วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Learning Log 6

โครงสร้างพื้นฐานของประโยค

            หลายครั้งที่เราไม่รู้จะพูดภาษาอังกฤษอย่างไร เพราะเราไม่ทราบว่าโครงสร้างของประโยคภาษาอังกฤษนั้นเป็นอย่างไร ในภาษาไทยเราสามารถสลับคำไปมาได้ และเราก็เข้าใจมัน แต่ในภาษาอังกฤษไม่สามารถทำได้ เพราะจะทำให้รูปประโยคไม่สมบูรณ์ ทำให้ผู้ฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่เราอยากจะพูด   ในการสื่อสารต่าง ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทย การรู้จักโครงสร้างประโยคจะช่วยให้สามารถพูด หรือเขียนได้ง่ายมากขึ้น วันนี้เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นพื้นฐานการแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้ดีมากขึ้น เพราะเมื่อเรารู้โครงสร้างแล้ว ก็สามารถแต่งประโยคได้อย่างถูกต้องและง่ายมากขึ้นอีกด้วย ประโยคภาษาอังกฤษไม่ว่าจะยาวหรือซับซ้อนอย่างไร สามารถกระจายเป็นรูปโครงสร้างพื้นฐานได้ ซึ่งเมื่อแยกแล้วจะมีลักษณะต่างกันออกไปในแต่ละแบบ เช่น ได้เป็นใจความสมบูรณ์ ถูกต้องตามหลักภาษา สื่อความหมายตรงไปตรงมา แต่ขาดความไพเราะ ไม่สละสลวย หรือ รายละเอียดตรงตามความตั้งใจของผู้แต่งแต่งประโยค แต่มีคำ วลี หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม ดันนั้นการแยกข้อความตามลักษณะของประโยคโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยให้การวิเคราะห์ความหมายของประโยคนั้นดีขึ้น
ฮอร์นบีและคณะได้แยกประโยคพื้นฐานไว้ใน The Advanced Learner’s Dictionary of Current English ไว้ 25 แบบ โดยแบ่งตามหน้าที่และความนิยมในการใช้คำกริยาเป็นหลัก เรียกว่า กระสวนหรือ แบบของคำกริยา (Verb pattern) แต่ ไนดาและเทเบอร์ ได้แยกประโยคพื้นฐานของภาษาอังกฤษไว้ 7 แบบ โดยเรียกประโยคพื้นฐานว่าประโยคแก่น  (kernel sentence)  และ สเตจเบอร์ก แยกประโยคพื้นฐานที่เรียกว่า ประโยคเปลือย (bare sentence) ออกเป็น 9 แบบ แต่ในที่ดิฉันได้เรียนรู้คือโครงสร้างประโยคพื้นฐานของฮอร์นบี และไนดา
แบบคำกริยาของฮอร์นบี สามารถแบ่งคำกริยาออกเป็น 25 แบบ ดังนี้
      VP 1                              VP + Direct Object
      VP 2                              VP + (not) to + Infinitive,  etc.    
      VP 3                              VP + Noun or Pronoun + (not) to +  Infinitive, etc.             
       VP 4                             VP + Noun or Pronoun + (to be)  +  Complement.               
      VP 5                              VP + Noun or Pronoun + Infinitive,  etc.                 
      VP 6                              VP + Noun or Pronoun + Present  Participle           
      VP 7                              VP + Object + Adjective
      VP 8                              VP + Object + Noun
      VP 9                              VP + Object + Past Participle       
      VP 10                            VP + Adverb or Adverbial Phrase , etc.    
      VP 11                            VP + that - clause             
      VP 12                            VP + Noun or Pronoun + that - clause       
      VP 13                            VP + Conjunctive + to + Infinitive , etc.  
      VP 14                            VP +      Noun or Pronoun + Conjunctive + to + infinitive , etc.
      VP 15                            VP +      Conjunctive + Clause
      VP 16                            VP +      Noun or Pronoun + conjunctive + Clause
      VP 17                            VP + Gerund , etc.
      VP 18                            VP + Direct Object + Preposition + Prepositional Object
      VP 19                            VP + Indirect Object + Direct Object
      VP 20                            VP + (for) + Complement of distance , Time , Price , etc.
      VP  21                           VP   alone
      VP  22                           VP + Predicative
      VP 23                            VP +      Adverbial Adjunct
      VP 24                            VP +      Preposition + Prepositional Object
      VP 25                            VP +      to + Infinitive
                แบบประโยคพื้นฐานของไนดา แบ่งประโยคพื้นฐานได้ออกเป็น 7 แบบดังนี้
      1. Noun + Verb1
      2. Noun + Verb2 + Noun
      3. Noun + Verb3 + Noun + Noun
      4. Noun + Verb4 + Preposition + Noun
      5. Noun + Verb4 + Adjective
      6. Noun + Verb4 Indefinite article + Noun
      7. Noun + Verb4 Definite article + Noun
ซึ่ง Noun  ที่อยู่หน้า Verb1 จะเป็นประธานของประโยค อยู่หลัง Verb2 จะเป็นกรรม ที่อยู่หลัง Verb3 คำแรกของกรรมรอง คำหลังเป็นกรรมตรง และ Verb1 – 4 นี้ จะหมายถึง ประเภทต่างๆของคำกริยา
                การรู้จักโครงสร้างประโยคจะช่วยให้สามารถพูด หรือเขียนได้ง่ายมากขึ้น วันนี้เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นพื้นฐานการแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้ดีมากขึ้น เพราะเมื่อเรารู้โครงสร้างแล้ว ก็สามารถแต่งประโยคได้อย่างถูกต้องและง่ายมากขึ้นอีกด้วย ประโยคภาษาอังกฤษไม่ว่าจะยาวหรือซับซ้อนอย่างไร สามารถกระจายเป็นรูปโครงสร้างพื้นฐานได้ ซึ่งเมื่อแยกแล้วจะมีลักษณะต่างกันออกไปในแต่ละแบบ  ในการแปลภาษาหนึ่งเป็นภาษาหนึ่งนั้น ถ้าผู้แปลมีความสามารถ มีความรู้ดีทั้งสองภาษา การตีความหรือการวิเคราะห์ความหมายของประโยคก็จะทำได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจ มีความชำนาญน้อย การแยกประโยคที่ซับซ้อนจะเป็นประโยคพื้นฐานนี้ จะวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้แปลเข้าใจประโยคและตีความหมายได้อย่างถูกต้อง เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความเข้าใจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น