การแปลบันเทิงคดี
The
Translation of Literary Work
บันเทิงคดี หมายถึง
เรื่องสมมติที่สร้างขึ้นมาอย่างมีจินตนาการและอารมณ์
มุ่งให้ความเพลิดเพลินเป็นใหญ่ แต่ก็ให้ความรู้ด้วย มีหลายรูปแบบ เช่น เรื่องสั้น
นวนิยาย บทละคร ฯลฯ
บันเทิงคดีจึงเป็นงานเขียนที่ผู้เขียนมีเจตนานให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่านโดยมีเกร็ดความรู้
ข้อคิด คติธรรม และประสบการณ์ชีวิตแทรกอยู่ในเรื่องนั้น ๆ
1. องค์ประกอบของงานเขียนบันเทิงคดี
บันเทิงคดีเป็นงานเขียนที่มีรูปแบบแตกต่างจากสารคดี
ทั้งในด้านเนื้อหาและองค์ประกอบของภาษา อาจจะนำเสนอทั้งในเนื้อหาที่มีความจริงบ้าง
สอดแทรกทัศนคติบ้าง มีจุดประสงค์เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ดังนั้นบันเทิงคดีจึงเป็นการถ่านทอดสิ่งที่เป็นจินตนาการของผู้เขียน
หรือเป็นการถ่ายทอดจินตนาการของผู้เขียนผสมผสานกับความจริง ซึ่งจะมีภาษาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ผู้แปลจึงต้องศึกษาและฝึกฝนทักษะการแปลอย่างจริงจังเพื่อสามารถเข้าใจเนื้อหาอย่างถูกต้อง
ในการแปลบันเทิงคดีผู้แปลต้องคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญ
2 ประการ คือ องค์ประกอบด้านภาษา (Language element)
และองค์ประกอบที่ไม่ใช่ภาษา (Non - Language element) หมายถึงอารมณ์และท่วงทำนองของงาน องค์ประกอบด้านอารมณ์และท่วงทำนองจะสะท้อนออกในองค์ประกอบของภาษา
ดังนั้นผู้แปลต้องใส่ใจในการแปลเป็นอย่างมาก
2.องค์ประกอบด้านภาษา
องค์ประกอบด้านภาษาที่เกี่ยวข้องกับการแปลงานบันเทิงคดีสามารถแบ่งออกเป็น
3 กลุ่ม ได้แก่
การใช้สรรพนามและคำเรียกบุคคล (form of address) การใช้คำที่มีความหมายแฝง
(connotation) และภาษาเฉพาะวรรณกรรม (figurative
language)
-
ภาษาที่มีความหมายแฝง (connotation)
คือคำศัพท์ที่มีความหมายตรงตัวหรือความหมายตามตัวอักษร
แต่มีคำศัพท์จำนวนมากซึ่งนอกจากมีความหมายตรงตัวแล้วยังมีความหมายแฝงอีกด้วย ผู้แปลต้องใส่ใจต่อคำศัพท์ทุกตัวเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการแปล
ในการแปลนี้ผู้แปลไม่ควรใช้พจนานุกรม 2 ภาษาเพียงอย่างเดียว
แต่ควรใช้พจนานุกรมภาษาเดียว และค้นคว้าเพิ่มเติมอีกด้วย
-
ภาษาเฉพาะวรรณกรรมหรือโวหารภาพพจน์
มีรูปแบบภาษาเฉพาะหลายชนิด ซึ่งผู้แปลจะต้องรอบรู้และนำมาใช้อย่างเหมาะสม
มีลักษณะคือการสะท้อนวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ลงไปในตัวภาษา
เชื่อโยงไปยังแง่มุมของวัฒนธรรมและอารยธรรมของมนุษยชาติโดยการถ่ายทอดทางภาษา
ผู้แปลต้องศึกษารายละเอียดของวัฒนธรรมภาษาทั้งในภาษาไปและภาษามาอย่างลึกซึ้ง สามารถแบ่งอออกเป็น 2 รูปแบบได้ดังนี้
1. รูปแบบของโวหารอุปมาอุปไมย คือ การสร้างภาพพจน์โดยใช้กลวิธีการเปรียบเทียบเพื่อชี้แจง
อธิบายหรือเน้นสิ่งที่กล่าวถึงให้ชัดเจนและเห็นภาพพจน์มากขึ้น อุปมาอุปไมยทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีองค์ประกอบทางไวยากรณ์อย่างชัดเจนตายตัว
โครงสร้างจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ผู้แปลต้องวิเคราะห์การใช้โวหารในต้นฉบับให้ถูกต้องว่าเป็นประเภทไหน หากเป็นการสมมุติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องใช้โครงสร้างประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 (conditional sentence type 1) แต่หากโวหารเป็นการเปรียบเทียบหรือสมมุติสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นหรือเป็นจริงได้
ผู้แปลจะต้องเลือกใช้โครงสร้างประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 (conditional sentence type 2 )
2. รูปแบบของโวหารอุปลักษณ์
(metaphor) หมายถึงการเปรียบเทียบความหมายของสองสิ่งโดยนำความเหมือนและไม่เหมือนของสิ่งที่จะเปรียบเทียบ
ซึ่งโวหารอุปลักษณ์จำนวนมากของแต่ละภาษาจะมีลักษณะเฉพาะในภาษานั้นๆ
การแปลจึงต่างจากการแปลทั่วๆไป
3. การแปลโวหารอุปมาอุปไมยและโวหารอุปลักษณ์
เป็นที่ปากกฎในภาษาไทยและอังกฤษ ผู้แปลต้องคำนึงถึงความจริงบางประการที่เกี่ยวกับภาษา
ซึ่งภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารซึ่งถ่ายทอดความหมายและวัฒนธรรมของชาตินั้น ที่ประกอบเป็นสังคมทั้งเล็กและใหญ่
และยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบของวัฒนธรรมของชาติ 2 ชาติที่ต่างกันด้วย
ผู้แปลจึงต้องปรับโวหารให้เหมาะสมกับวัฒนธรรม โดยมีหลักปฏิบัติดังนี้
- เมื่อรูปแบบของภาษาสอดคล้องกันและความหมายเหมือนกัน
ผู้แปลต้องแปลตามตัวอักษรเท่านั้น
- หากโวหารไม่มีความสำคัญต่อเนื้อหาของงานเขียน สามารถตัดทิ้งโดยไม่ต้องแปล
- เมื่องานเป็น authoritative text ผู้แปลควรแปลตามตัวอักษรโดยใส่หมายเหตุของผู้แปลเพื่อชี้แจงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
หรืออธิบายความหมาย
- สืบค้นโวหารที่ปรากฏในงานเขียนชนิดต่าง
ๆ ในภาษาแปล
อย่างไรก็ตามในการแปลสำนวนโวหารทั้งสอบประเภทนี้
เราจะพบว่าการเปรียบเทียบส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมในภาษาต้นฉบับเสมอ
การยึดหลักการแปลในข้อ a จึงเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม
ดังนั้นในการแปลอุปมาอุปไมยและอุปลักษณ์ต่างๆ นอกจากหลักการข้อ a-c แล้วผู้แปลยังจำเป็นต้องสืบค้นจากเอกสารเพิ่มเติมอีกด้วย
เพื่อศึกษาว่ามีโวหารที่มีความหมายเหมือนกับโวหารในภาษาต้นฉบับที่ต้องหารแปลหรือไม่
หากไม่มีต้องศึกษาต่อว่าหมายถึงสิ่งใด ควรแปลหรือตัดทิ้งได้หรือไม่
เพื่อให้ได้งานที่สมบูรณ์และถูกต้องตามต้นฉบับมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น