วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Learning Log 3

The passive

ประโยค Passive voice คือประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ หรือประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle) ซึ่งส่วนมากจะถูกเปลี่ยนจากประโยค Active voice (ประโยคที่อยู่ในรูป Subject + Verb1) แต่ก็ไม่ใช่แค่เอามาสลับที่กันเฉยๆ โดยจะเปลี่ยนแปลงย่อมมีเงื่อนไขเสมอ  สำหรับคำกริยาที่จะนำมาใช้ในประโยค Passive Voice ต้องเป็นคำกริยาที่มีกรรมเท่านั้น เพราะคำแปลจะต้องมีคำว่า ใครหรืออะไร ถูกทำอะไรเสมอ ส่วนคำว่า by ที่แปลว่าโดย บางครั้งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้พูด และบางประโยคไม่ต้องมีเลยก็ได้


หลักการเปลี่ยนประโยค “Active” เป็นประโยค “Passive”

1.              นำเอากรรมของประโยค Active voice ไปเป็นประธานของประโยค Passive voice
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon.
2.              นำเอาประธานของประโยค Active voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive voice และมี by นำหน้าประธานเดิม แต่ในบางกรณีอาจจะสามารถเขียนโดยไม่ต้องมี by ก็ได้
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon.
3.              เมื่อเปลี่ยนประโยค Active voice เป็นประโยค Passive voice กริยาจะต้องเป็นรูปกริยาช่องที่ 3 (Past Participle) และตามหลัง Verb to be.( is, am , are, was , were, be, being, been) ต้องดูตามประธาน(ของประโยคใหม่) และ tense
Active voice: Nammon read a book.
Passive voice: A book is read by Nammon.

จากตัวอย่างข้างต้นทั้งหมด ไม่ว่า ประโยค Active จะอยู่ใน tense ใดก็ตาม เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยค Passive ยังไงก็ต้องอยู่ในรูปของ Subject + Verb to be + Verb 3 (Past Participle) เสมอ แต่ยังคงต้องไม่ทิ้ง tense เดิม

รูปประโยค Passive แบ่งตาม tense ต่างๆ



หากเรารู้จักรูปแบบประโยคดีแล้ว นั่นคือเรารู้ว่าตัวไหนเป็นประธาน ตัวไหนเป็นกริยา และตัวไหนเป็นกรรม เอามารวมกับความรู้เรื่อง tense และกริยาสามช่อง  เรื่อง Passive voice ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะ Passive เป็นการบูรณาการความรู้เรื่องโครงสร้างของประโยคและเรื่อง Tense ซึ่งถือเป็นความรู้พื้นฐานด้านไวยากรณ์อยู่แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น