วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เว็บไซต์เรียนรู้เพิ่มเติม







  
การฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการอ่าน และการเขียน เนื่องจากทักษะการฟังนั้นจำเป็นมากในการที่จะสนทนากับคนต่างชาติให้เข้าใจได้นั่นเอง

ในวันนี้ดิฉันก็มี ไฟล์ story เกือบ 2,000 เรื่อง มาฝากให้เพื่อนๆได้นำไปฝึกทักษะการฟังกันคะ ซึ่งทางเว็ปไซต์ E4thai.com ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว ลองคลิกไปฟังกันได้เลยยย


คลิ๊กไปที่ http://www.wegointer.com/2014/11/2000-stories/



วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เว็บไซต์เรียนรู้เพิ่มเติม

สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องทำการบ้านหรือเขียนรายงานภาษาอังกฤษส่งอาจารย์ บางที่ก็อาจจะไม่แน่ใจในแกรมม่าร์ของตัวเอง หรือว่าอาจจะมีคำศัพท์ที่สะกดผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

บทความนี้ มี “6 เว็บไซต์ตรวจทานงานเขียนภาษาอังกฤษ” เอาไว้ให้เพื่อนๆใช้ตรวจทานงานเขียนของตัวเอง หลังจากที่ตรวจทานด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว เพราะอาจจะมีข้อผิดพลาดหลงเหลืออยู่นั่นเอง



คลิ๊กไปที่
   http://www.wegointer.com/2015/09/online-correction/  จะรวบรวมเว็บไซต์ดี ๆ ไว้ให้คุณ






















เว็บไซต์เรียนรู้เพิ่มเติม

เว็บไชต์ฝึกทักษะการฟัง ที่มีบทเรียนเยอะน่าสนใจ สามารถเลือกฟังเรื่องที่สนใจได้ตามความต้องการ เป็นเว็บไชต์ที่สามารถพัฒนาได้หลายทักษะเลยทีเดียว ภายในเว็บไซต์นี้จะมี 

  -  LISTEN (ฟังเนื้อหาที่ต้องกาาร)
  -  QUIZ 1 (ทำแบบฝึกหลังจากการฟัง)
  -  QUIZ 2 (ทำแบบฝึกหลังจากการฟัง)
  -  PDF (สามารถโหลดไฟล์เป็น PDF ได้)
  -  WORD (มีคำศัพท์ยากไว้ในบทเรียน)

นอกจากนี้ยังมี THE TAPE SCRIPT ไว้ให้ผู้ที่ต้องการอ่านและแปลความหมายอีกด้วย

ถือเป็นเว็บไซต์ที่สามารถฝึกและพัฒนาได้หลายทักษะเลยทีเดียว ใครสนใจ คลิ๊กลิงค์ด้านล่างเลย

   


http://www.listenaminute.com/



Huckleberry Finn

 Chapter 1 

Huck in Trouble

          คุณไม่รู้เกี่ยวกับตัวฉันถ้าคุณไม่ได้อ่านหนังสือเรื่อง การผจญภัยของ ทอม ซาวเยอร์ , นายมาร์ค ธเวน เขียนหนังสือเล่มนี้และมันเป็นความจริงมากที่สุด ในหนังสือเล่มนี้ โจรได้ขโมยเงินและนำมันไปซ่อนไว้ในที่ลับมากในป่า แต่ทอม ซาวเยอร์กับฉันได้สร้างมันขึ้นมา และหลังจากที่พวกเรารวย พวกเราได้รัรบเงินคนละ 6,000 ดอลล่าร์ และทองทั้งหมด 
          ในวันนั้น ฉันไม่มีบ้านหรือไปโรงเรียนเหมือนทอม และเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ทั้งหมดในถนนปีเตอร์เบิร์ก ป๊อปดื่มเหล้าตลอดเวลาและเขาขยับขาเข้ามาเล็กน้อย ดังนั้น เขาจึงเป็นพ่อที่ไม่ดี ไม่มันไม่สำคัญสำหรับฉัน ฉันนอนบนถนนหรือในป่า และสามารถทำอะไรที่ฉันต้องการได้ เมื่อฉันต้องการมัน มันเป็ฯชีวิตที่ดี 
          เมื่อพวกเราได้เงินเหล่านั้นทั้งหมด ทอมกับฉันจะเป็นที่รู้จักภายในชั่วครู๋ จัท แดชเชอร์ คนสำคัญในเมืองของเรา เก็บเงินของฉันไว้ในธนาคารเพื่อฉัน และเเม่ม้ายดูกลาสพาฉันไปอยู่ในบ้านของเธอ และพูดว่า "ฉันสามารถเป็นลูกชายของเขาได้" หล่อนเป็นคนดีและใจดีมาก แต่มันยากในการใช้ชีวิต เพราะฉันต้องสวมเสื้อตัวใหม่และดูดีตลอดเวลา
          ในตอนสุดท้าย ฉันสวมเสื้อผ้าชุดเก่าของแันและวิ่งหนีออกมา แต่ทอมมาหลังฉันและพูดว่า "ฉันจำเป็นต้องกลับ" แต่ฉันควรอยู่ในกลุ่มโจรนี้ ดังนั้นฉันจะกลับไป และแม่ม่ายร้องไห้และฉแันจำเป็นต้องสวมเสื้อใหม่ตัวนั้นอีกครั้ง ฉันไม่ชอบมันทั้งหมด น้องสาวของหลอ่น น้องสาววัตสัน ก็อยุ่ที่นั่นด้วย หล่อนพูดอยู่ตลอดเวลา ห้ามวางเท้าของคุณที่นี่ ฮัคลิเบอรี่ และห้ามทำแบบนั้น ฮัคลิเบอรี่ มัน่ากลัว 
          คืนนั้น เมื่อฉันขึ้นไปนอน ฉันนั่งบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ฉันนั่งตรงนั้นเป็นเวลานาน และฉันก็ไม่มีความสุขเลยจริง ๆแต่หลังจกาเที่ยงคืน ฉันได้ยินเสียงหมี่-ยาว หมี่-ยาว ออกไป อย่างเงียบ ๆ ฉันตอบกลับไปว่า หมี่-ยาว หมี่-ยาว ออกไป อย่างเงียบ ๆ ฉันปิดไฟและออกไปทางหน้าต่างที่ต้นไม้ ทอมซาวเยอร์ กำลังรอฉันอยู่
         พวกเราไปที่ต้นไม้ต้นสุดท้ายในสวนของแม่ม้าย ในไม่ช้าพวกเราก็อยู่บนยอดเขาอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน ด้านล่างพวกเราสามารถมองเห็นแม่น้ำและเมืองได้ มีหนึ่งหรือสองแสงที่ยังคงสว่างอยู่ แต่ทุกออย่างเงียบไปหมด พวกเราลงมาจากยอดเขาและเจอ โจ ฮาร์เปอร์ , เบน โรเกอร์ และเด็กผู้ชายอีกสองคนหรือมากกว่าสามคน หลังจากนั้น ทอมพาพวกเขานั่งเรือไปยังสถานที่ลับแห่งนั้น ที่เป็นถ้ำลึกอยู่ข้างๆกับภูเขา เมื่อพวกเราไปถึงที่นั่น ทอมบอกเกี่ยวกับแผนการทุกอย่างให้เรารู้
        " ตอนนี้พวกเราจะมีกลุ่มโจรแค่นี้" เขาพูด และพวกเราจะเรียกมันว่า กลุ่มของทอม ซาวเยอร์ ถ้ามีใครสักคนในกลุ่มของเราเจ็บ คนอื่นจะฆ่าเขาและครอบครัวของเขา และถ้าเด็กจากในกลุ่มเล่าความลับให้คนอื่นฟัง พวกเราจะฆ่าเขาและครอบครัวของเขาด้วย
          พวกเราทั้งหมดคิดว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และพวกเราเขียนชื่อของพวกเราด้วยเลือกจากนิ้วของเรา ในขณะนั้น เบน โรเจอร์ พูดขึ้นว่า "ตอนนี้ แกงค์ของเราจะไปทำอะไรกัน"
          "ไม่มีอะไร" ทอม ตอบกลับ การปล้นและฆ่าตอนนี้ พวกเราหยุดคนบนถนนและพวกเราฆ่าเขา และเอาเงินกับสิ่งของจากพวกเขา แต่พวกเราสามารถปล่อยบางคนไว้ได้ ในขณะนั้นเพื่อนของพวกเขา สามารถจ่ายเงินเพื่อเเลกกับการกลับได้ พวกเขาทำอะไรกันในเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ 
          แต่ เบน ไม่มีความสุข "มีอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มั้ย" เขาถาม พวกเราจะฆ่าเขามั้ย
          โอ้ !!   ไม่ !! ทอมตอบ พวกเราดีกับพวกเขาและพวกเราทั้งหมดรักเขา พวกเราไม่ต้องการให้ไปบ้าน
          ในขณะที่ถ้ำเต็มไปด้วยผู้หญิงและทุกคนกำลงัรอ พวกเราจะดูพวกเขาตลอดทั้งคืน
         " พวกเราทั้งหมดจะไปบ้านตอนนี้ "  ทอมพูด และพวกเราจะเจอกันใหม่ในอาทิตย์หน้า พวกเราจะฆ่าบางคนบางคนและโจรบางคนด้วย
          เบน ต้องการเริ่มในวันอาทิตย์ แต่คนอื่นไม่เห็นด้วย มันไม่ดีนักที่จะฆ่าและขโมยของในวันอาทิตย์
          เสื้อผ้าของฉํนสกปรกมากและฉันเหนื่อยมาเมื่อกลับมา ใช่ พรุ่งนี้เช้า นางสาววัตสันต้องโกรธกับฉันเพราะเสื้อของฉันสกปรก แต่ตอนนี้แม่ม่ายดูไม่มีความสุขเลย หลังจากที่พวกเราเลิกเป็นโจรเพาะพวกเราไม่ลักของผู้อื่นและพวกเราไม่ฆ่าเขา เวลาผ่านไปและฤดูหนาวก็เข้ามา เวลาส่วนมากฉันจะไปโรงเรียนและฉันเรียนการอ่านและการเขียนเล็กน้อย มันไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย และแม่ม่ายก็ได้ขอร้องไว้กับฉัน นางสาววัตสันมีทาษ เป็นผู้ชายแก่ ๆ ชื่อจิม เขากับฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน บ่อยครั้งที่ฉันนั่งคุยกับจิม แต่ฉันยังคงไม่ชอบการใช้ชีวิตในบ้านและการนอนบนเตียง
          หลังจากนั้น เข้าวันหนึ่ง มีหิมะบนพื้นเล็กน้อยและด้านนอกทางหลังวสน ฉันเห็นรอยเท้าสัตว์ในหิมะ ฉันมองเเละเดินตามไปอย่างระมัดระวัง มันเป็นรอบเท้าของป๊อป
          นาทีต่อมา ฉันวิ่งลงจากภูเขาจนถึงบ้านของ จัท แดชเชอร์ เมื่อเขาปรากฏตัว ฉันร้องไห้ ฉันต้องการให่คุณเอาเงินทั้งหมดของฉันไป ฉันต้องการให้มันแก่คุณ
          เขาดูตื่นเต้น "ทำไม เกิดอะไรขึ้น"
         " ขอร้อง ท่าน เอามันไป อย่าถามฉันว่าทำไม "
          ในตอนสุดท้าย เขาพูดว่า ดี  เธอสามารถซื้อมันให้ฉํน และเขาให้ฉัน 1 ดอลล่าร์ จากนั้น ฉันเขียนชื่อของฉันลงในการะดาษให้เขา
          ในคืนนั้น เมื่อฉันขึ้นไปบนห้องของฉัน ป๊อป กำลังนั่งอยู่ที่นั่น รอฉันนะ ฉันเห็นหน้าต่างเปิดอยู่ ดังนั้นเขาเข้ามาด้านในได้อย่างไร
          เขาดูอายุเกือบจะ 50 ปี และดูแก่ ผมของหล่อนยาวและสกปรก อีกทั้งใบหน้ายังมีสีขาวซีด ดูน่ากลัว เสื้อของหล่อนเก่าและสกปรกมากด้วย และนิ้วเท้าทั้งสองข้างก็ดูกำลังจะออกมาจากรองเท้า เขามองมาที่ฉันเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็พูดว่า "มองเสื้อผ้าของเธอดูสะอาดสุดๆ เป็นระเบียบเรียบร้อย" และตอนนี้ เขาก็พูดว่า เธอสามารถอ่านและเขียนได้ในตอนนี้ คนที่พูดเธอควรไปโรงเรียนมั๊ย
          แม่ม่าย "ฉันเริ่ม....."
          โฮ้ !! หล่อนใช่ไหม ใช่หล่อนไหม เธอสามารถลืมเกี่ยวกับโรงเรียน ฉันไม่สามารถอ่านได้ และเเม่ของคุณก็ไม่สามารถอ่านได้ ไม่มีใครในครอบครัวของฉันสามารถอ่านก่อนพวกเขาตาย ดังนั้นใครเป็นคนคิด คุณใช่มั๊ย ออกไป !! เอาหนังสือเล่มนั้นมาอ่านกับฉัน
          ฉันเริ่มอ่านแต่เขาชนหนังสือแบะหบุดออกไปจากมือฉัน ตรงข้ามห้องฉํน ในตอนนั้นเขาตะโกน เขาร้องว่า "เธอรวยจะเป็นอย่างไร"
          "มันไม่ใช่ความจริง !!! "
          "เธอให้เงินฉัน ฉันต้องการมัน รับมันเพื่อฉันในวันพรุ่งนี้"
          "ฉันไม่มีทางรับเงินนั้น" ถาม จัท แดชเชอร์ เขาจะบอกคุณ ฉันไม่มีทางรับเงินนั้น 
          "ดี" "ให้ฉัน คุณได้อะไรในกระเป๋ษของคุณตอนนี้ เข้ามา ให้มันแก่ฉัน "
          "ฉันมีเพียง 1 ดอลลาร์ และฉันต้องการสิ่งนั้น "
          "ให้มันแก่ฉัน !! คุณได้ยินมั๊ย "
          เขาก็ให้ไป และหลังจากที่เขาพูดเสร็จเขาก็ออกไปดื่ม เมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง เขาโผล่หัวของเขาและตะโกนออกไปว่า "หยุดไปโรงเรียน  เธอรู้ไหม เธอทำอะไรลงไป"
          ในวันถัดมา เขาดื่มและอกไปหา จัท แดชเชอร์ เพื่อไปรับเงินของฉัน   จูทจะไม่ให้มันกับเขา แต่ป๊อปไมม่หยุดพยายามและยังพยายามต่อไป ฉันได้รับมา 2 หรือ 3 ดอลลาร์จากจูทเพื่อหยุดป๊อปจากการตีฉัน แต่เมื่อป๊อปมีเงิน เขาก็ไปดื่มอีกครั้งและทำให้เกิดเป็นปัญหาในเมือง เขาออกมาจากบ้านของแม่ม่ายและหล่อนโกรธและบอกเขาว่าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ดังนั้นป๊อปก็เริ่มโกรธ วันนึ่งเขาจับได้และพาฉันนั่งเรื่องไปตามแม่น้ำ ฉันจำเป็นต้องอยู่กับเขาในกระท่อมกลางป่าและฉันไม่สามารถออกมาได้ด้วยตัวเอง


Chapter 2

 Huck Escapes and Finds a Friend


          ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นการเกียจคร้าน การใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ป๊อปเริ่มตีฉันมากเกินไปกับไม้ของเขา เขามักจะเข้าไปในเมืองอีกด้วย และในเวลานั้นเขาขังฉันไว้ในกระท่อมตลอดเวลา คร้งหนึ่งเขาได้เดินทางไปสามวันและฉันคิดว่าฉันจะไม่มีทางได้ออกไปอีกครั้ง

          เมื่อเขากลับมานตอนนั้น เขาเมาและมีอารมณ์โกรธเกี้ยว เขาต้องการเงินของฉัน แต่ จูท เเดชเชอร์ ไม่ให้มันกับเขา จูท แดชเชอร์ต้องการส่งฉันให้ไปอยู่กับแม่ม่ายอีกครั้ง ป๊อปบอกฉัน  ฉันไม่พอใจมากกับเรื่องนี้ ฉันไม่ต้องการกลับไปที่นั่นอีก 
          ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจหลบหนีและลงไปในแม่น้ำและอาศัยอยู่ในป่าที่ไหนสักแห่ง เมื่อป๊อปบอก ฉันเริ่มที่จะตัด เจาะรูที่ผนังไม้ของกระท่อม ในไใ่กี่วัน เมื่อรูมีขนาดใหญ่ขึ้น  ฉันสามารถใช้ไม้ออกไปหลบหนีผ่านหลุมและใส่ไม้ด้านหลัง
          เช้าวันหนึ่ง ป๊อปส่งฉันลงไปในเเม่น้ำเพื่อจับปลาบางชนิดสำหรับอาหารเช้า ฉันต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง ที่นั่นมีเรือแคนูในน้ำและไม่มีใครอยู่ที่นั่น ทันใดนั้น ฉันกระโดดลงไปในน้ำและนำเรืองเเคนูออกไปทางข้าง มันเป็นความโชคดีที่ป๊อปไม่เห็นฉัน และฉันตัดสินใจที่จะซ่อนเรือแคนูใต้ต้นไม้และใ้ชมันเมื่อฉันหลบหนี
          บ่ายวันนั้น ป๊อปขังฉันไว้ข้างในและออกไปในเมือง เขาจะไม่กลับมาในคืนนี้ ฉันคิดอย่างนั้น ดังนั้นฉันเริ่มทำงานอย่างหนักที่รูของฉัน เร็วนี้ ๆ ฉันสามารถออกไปได้จากทางนั้น และฉันก็จะพาอาหารและเครื่องดื่มและปืนของป๊อปลงเรือแคนูไปด้วย หลังจากนั้นฉันนำไม้กลับมาวางเหมือนเดิมเพื่อซ่อนรูเอาไว้ จึงเอาปืนและเข้าไปในป่า ฉันยิงหมูป่าและนำมันกลับมาที่กระท่อมของฉัน ถัดไป ฉันจะทำลายประตูด้วยขวาน ฉันนำหมูเข้าไปในกระท่อมและวางเลือดของมันบางส่วนบนพื้น จากนั้นฉันวางหินก้อนใหญ่บางส่วนในกระสอบและดึงมันออกไปอยู่ด้านหลังของฉันเพื่อไปที่แม่น้ำ ในที่สุด ฉันเอาเลือกบางส่วนและบางส่วนของผมที่ขวนเล็กน้อย ฉันทิ้งขวานไว้ที่มุมของกระท่อมและเอาหมูลงไปในเเม่น้ำ
         " พวกเขาจะไม่รุ้ว่ามันเป็นเพียงหมูเท่านั้นที่อยู่ในแม่น้ำ" ฉันพูดกับตัวเอง พวกมันจะต้องคิดว่ามันเป็นฉัน
          จากนั้นฉันก็เอาเรือแคนูและเดินลงไปในเเม่น้ำเพื่อไปเกาะของเเจ็คสัน โดยจากนั้น มันเริ่มมืด ดังนั้นฉันจึงซ่อนเรืองเเคนูใต้ต้นไม้บางต้นและได้หลับไป
          หลังจากแปดโมงตรง เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไปและดวงอาทิตย์สูลบนท้องฟ้า ฉันรู้สึกอบอุ่นและสะดวกสบาย และฉันไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ทัใดนั้น ฉันได้ยินเสียงดังขึ้นจากแม่น้ำ ฉันมองผ่านต้นไม้อย่างระมัดระวัง และฉันเห็นเรือที่เต็มไปด้วยผู้คน นั่น !! ป๊อป , จูท แดชเชอร์ , ทอม ซาวเยอร์ และป้าพอลลี่ของเขา และซิท น้องชายของเขาและอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขากำลังมองหาร่างของฉันในแม่น้ำ ฉันเฝ้าดูพวกเขา แต่พวกเขาไม่เห็นฉํน และในที่สุดพวกเขาก็ไปทางอื่น  ฉันรู้ว่าไม่มีใครที่กำลังไปจะกลับมาและมองหาฉันอีกครั้ง ฉันพบสถานที่ที่ดีใต้ต้นไม้เพื่อการนอนหลับและวางสิ่งของของฉัน จากนั้นฉันจับปลาและทำอาการ มันมากกว่าไฟไหม้ 
          ฉันอาศัยอยู่แบบนั้นเป็นเวลาสามวัน และได้ตัดสินใจดูรอบ ๆ เกาะ ดังนั้นฉันจึงเข้าไปในป่า มันเป็นเกาะของฉัน ฉันคิดว่า ฉันคนเดียวที่อยู่บนเกาะนี้
          ทันใดนั้น ตอนนี้ด้านหน้าของฉัน ฉันเห็นไฟ และมันยังคงมีควัน ที่นั่นมีบางคนอยู่บนเกาะของฉัน ฉันไม่รอ ฉันกลับและกลับไปตรงไป แต่ฉันไม่สามารถหลับได้ หลังจากเวลานั้น ฉันพูดกับตัวเองว่า "ฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้" ฉันต้องพบใครคนนั้น มันเป็นใคร !!
          ฉันเคลื่อนเรือแคนูของฉันไปตามแม่น้ำอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความมืดของต้นไม้ และแล้วฉันหยุด ท่ามกลางต้นไม้ ฉันสามารมองเห็นแสงไฟ ความกลัวทำให้ฉันออกจากเรือเเคนูของฉันและไปอยู่ใกล้ ๆ นั่น ผู้ชายที่พูดโกหกว่าไฟกำลังมา  ทันใดนั้นเขานั่งขึ้นลงและฉันเห็นว่า มันคือ จิม ทาสของนางสาววัตสัน ฉันมีความสุขจริง ๆ ที่เจอเขา "สวัสดี จิม " ฉันร้องไห้และกระโดดออกจากหลังต้นไม้
          จิมลดเข่าลงไป "ขอร้องอย่าทำให้ฉันเจ็บปวด" เขาร้องไห้ "ฉันรู้สึกดีให้คนที่ตายแล้วเสมอ"
          "มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง"    "จิม  ฉันยังไม่ตาย" ฉันพูด แต่ทำไมเธอมาอยู๋บนเกาะนี้ ฉันถาม
         " ดี ฮัค" เขาเริ่ม "ในอดีต นางสาววัตสันต้องการที่จะขายฉัน ชายคนหนึ่งเข้ามาในเทืองและบอกนางสาววัตสันว่าเขาต้องการซื้อฉันเงิน 800 ดอลล่าร์ หล่อนไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้น ฉันจึงวิ่งออกมา ฉันวิ่งลงในแม่น้ำเพื่อซ่อนตัว" "แต่ทุกคนในเมืองนั้น เขาพูดกันว่า เธอตายเเล้ว" ฮัค ฉันต้องรอเป็นเวลาทั้งวันเพื่อหลบหนี เมื่อมันมืด ผมได้ไปยังเรือใหญ่และซ่อนตัวอยู่ เมื่อเรามาใหล้เกาะนี้ ฉันจึงกระโดดลงไปในน้ำและว่ายน้ำทันที
          จิมเล่าเรื่องราวของเขาเสร็จแล้ว พวกเราทั้งคู่แบกทุกอย่างของเขาเข้าไปในถ้ำและซ่อนเรือแคนูใต้ต้นไม้บางต้น  พวกเราจะอยู่ในนี้ตลอดเวลา เพราะหลังจากนี้ ฝนกำลังมา มันเป็นฝนสำหรับวัน และแม่น้ำได้สูงขึ้นและสูงขึ้น ทุกสิ่งจะลงมาในแม่น้ำและในคืนหนึ่งมีบ้านเล็ก ๆ ที่ทำด้วยไม้เล็ก ๆ ที่พูดครึ่งหนึ่งบนข้างมัน พวกเราไปเอาเรือเเคนูออกมาและไปดู ผ่านหน้าต่าง พวกเราสามารถมองเห็นเตียง เก้าอี้เก่า ๆ สองตัว และเสื้อผ้าเก่า ๆ เล็กน้อย นั่นเป็นบางสิ่งที่ผิดในมุมและพวกเราคิดว่า ดูเหมือนผู้ชาย จิมต้องการจะไปดูให้เห็น แต่เขาพูดว่า "เขาตายแล้ว"  มีบางคนยิงเขาจากด้านหลัง มองไม่เห็นหน้าของเขา ฮัค  มันน่ากลัว
          ฉันไม่ต้องการจะเห็นหน้าของผู้ชายที่ตาย ดังนั้นฉันไม่มอง พวกเราจะเอาเสื้อเก่า ๆ และบางสิ่งเล็กน้อย และเดินทางกลับไปที่ถ้ำของพวกเราบนเขา
          อีกคืนหนึ่ง เมื่อพวกเราได้ออกไปตามหาสิ่งที่อยู่ในแม่น้ำ พวกเราพบแพ มันทำด้วยไม้ที่ดี แข็งแรง และโดยรอบ 4 เมตรถึง 5 เมตร "นี่อาจจะมีประโยชน์" ฉันพูดกับจิม ดังนั้น พวกเราดึงมันกลับไปยังเกาะที่อยู่หลังเรือแคนูและผูกมันขึ้นใต้ต้นไม้



Chapter 3

 Huck and Jim Travel South


          สำหรับในบางวันที่ทุกอย่างก็เดินไปอย่างเงียบ ๆ แต่พวกเรารู้สึกเบื่อ พวกเราต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองนั้น และดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะไปและค้นพบ จิมพูด  "ทำไมคุณไม่สวนใส่ชุดเก่าและหมวกที่พวกเราพบในบ้าน" คนอื่นจะไม่รู้ว่าเป็นคุณ ในขณะนั้น พวกเขาจะคิดว่าคุณคือผู้หญิง และดังนั้นฉันก็จะทำ
          หลังจากที่มืดแล้ว ฉันได้เข้าไปในเรือแคนูและเดินขึ้นไปตามแม่น้ำไปที่ด้านล่างสุดของเมือง ดังนั้น ฉันทิ้งเรือแคนูและไปด้วยเท้า ก่อนหน้านั้นเป็นเวลานาน ฉันมาถึงบ้านเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่า ตอนนี้มันมีเเสงไฟเปิดอยู่ และเมื่อฉันมองผ่านไปทางหน้าต่าง ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณ 40 ปี หล่อนเป็นคนแปลกหน้า และนั่นก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าหล่อนไม่รู้จักฉัน ดังนั้นฉันเคาะประตู ฉันต้องจำว่าฉันเป็ฯผู้หญิง เขาบอกกับตัวเอง
          ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตู "เข้ามาด้านในสิ" หล่อนพูด หล่อนมองมาที่ฉันด้วยสายเล็ก ๆ ใส ๆ ของเขา "คุณชื่ออะไร" หล่อนถาม
          "ซ่าร่า วิลเลี่ยม" ฉันตอบ  "ฉันกำลังไปหาลุงของฉันในข้างนอกเมือง แม่ของฉันป่วย คุณจะเห็นและหล่อนต้องการความช่วยเหลือ"
          เยี่ยม !!  "คุณไม่สามารถไปที่นั่นได้ด้วยตนเองในตอนนี้ มันมืดมาก สามีของฉันจะกลับบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมง รอเขา และเขาจะเดินไปกับคุณด้วย"
          และหลังจากนั้นหล่อนเริ่มบอกฉันเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดของเธอ ฉันเริ่มเบื่อกับทุกสิ่งที่หล่อนพูดตั้งแต่แรก หล่อนพูดบางสิ่งเกี่ยวกับ ป๊อปและการฆาตรกรรมของฉัน
          "ใครเป็นคนทำ"  ฉันถาม
          "ดี !!"  หล่อนตอบ "บางคนพูดกันว่า ฟินน์ คนแก่ ๆ ทำมันด้วยตัวเขาเอง คนอื่นคิดว่ามันเป็นทาสของคนที่วิ่งในคืนนั้น ชื่อของเขาคือ จิม พวกเขาจะให้เงิน 300 ดอลล่าร์ กับทุกคนที่พบเขาและพวกเขาจะให้ 2,000 ดอลล่าร์ สำหรับคนแก่ที่ชื่อ ฟินน์ เขาเมาและออกจากเมืองกับคนแปลกหน้าสองคน ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาฆ่าลูกชายของเขาและเขากำลงัจะกลับมาในอีกหนึ่งวัน และได้รับเงินทั้งหมดของ ฮัค ฟินน์ "
          "และเกี่ยวอะไรกับทาส"  ฉันถาม
          โอ้ !! "พวกเขาจะจับข้าเร็ว ๆ นี้ ผู้คนต้องการ 300 ดอลล่าร์ ฉันคิดว่า เขาอยู่บนเกาะของแจ็คสัน เธอรู้ไหม ฉันเคยเห็นควันที่นั่น สามีของฉันไปกับเพื่อนของเขาสองคนและพวกเขากำลังไปที่นั่นด้วยกันในต่อมาในคืนนี้"
          เมื่อฉันได้ยินแบบนั้น มือของฉันก็เริ่มสั่น ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ฉันอย่างประหลาดใจ แต่แล้ว หล่อนก็ยิ้มแล้ะพูดด้วยจิตใจที่ดี "คุณบอกว่าชื่อของคุณคืออะไรนะ ""เอ็ม เมรี่ วิลเลี่ยม" โอ้!! หล่อนพูด "ฉันคิดว่ามันคือ ซ่าร่า"
          เยี่ยม ! "ใช่ " "มันคือ ซ่าร่า เมรี่ วิลเลี่ยม บางคนเรียกฉันว่า ซ่าร่า และบางคนก็เรียกฉันว่า เมร่ี อย่างที่คุณเห็น"
          โอ้ ! ที่พวกเขาทำ หล่อนยิ้มอีกครั้ง เข้ามาตอนนี้ "ชื่อจริงของคุณคืออะไร "    " บิล บ๊อบ" ฉันรุ้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงจริง ๆ 
          ดังนั้นแล้วฉันได้บอกเรื่องเขาอีกเรื่องหนึ่ง มันต่างชื่อและฉันพูดว่า ฉันจะวิ่งออกไป หล่อนพูดว่า หล่อนจะไม่บอกคนอื่น และให้อาหารฉันเล็กน้อยก่อนที่ฉันจะจากไปแล้ว  ฉันเร่งรีบที่จะกลับไปยังเกาะกับจิม
          เร็ว !! จิม !! ฉันร้องไห้ เขากำลังเดินขึ้น พวกเขากำลังมารับเรา
          พวกเราได้ออกเเพเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ วางทุกสิ่งของเราบนมัน พยายามทำให้เรือแคนูอยู่ด้านหลัง และย้านออกมาสู่แม่น้ำ  เมื่อมันเริ่มได้รับแสง พวกเราซ่อน เมื่อมันมืดอีกครั้ง พวกเราเดินทางต่อ ในคืนที่ห้า พวกเราผ่านถนนหลุยส์ และพวกเราตัดสินใจที่จะลงไปที่ไคโร ใน อิลลินอยส์ ขายแพที่นั่นและเอเรือที่ โอฮิโอ พวกเขาไม่มีเพใน โอฮิโอ
          พวกเรานอนหลับให้มากที่สุดในวันนั้นและพวกเราจะเริ่มออกเดินทางของเราอีกครั้งเมื่อมันมืดค่ำ หลังจากที่บางครั้งพวกเราเห็นแสงบนอิลลินอยส์ ข้างแม่น้ำ  และจิมได้ตื่นเต้นมาก  เขาคิดว่ามันเป็น ไคยิโร จิมได้มีเือแคนูพร้อมและฉันอยากไปในนั้นเพื่อจะมองแสงเหล่านั้น แต่มันไม่ใช่ ไคยิโย
          หลังจากนั้น พวกเราลงไปในแม่น้ำ มันมืดมากในคืนนั้นและมันไม่ง่ายที่จะเห็นที่ที่พวกเรากำลังจะไป  ทันใดนั้น  เรือกลไฟลำใหญ่เข้ามาที่พวกเราอย่างรวดเร็ว แต่ไม่กี่นาทีมันก็อยู่เหนือพวกเราเรียบร้อยแล้ว  จิมและฉันกระโดดลงจากแพไปในน้ำ เรือชนเเพและพุ่งตรงขึ้นแม่น้ำ
          เมื่อฉันขึ้นมาจากน้ำ ฉันไม่สามารถมองเห็นจิงได้ว่าอยู่ที่ไหน ฉันเรียกชื่อเขาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีคำตอบ เขาตาย ฉันคิด ฉันว่ายน้ำขึ้นข้างแม่น้ำและออกไปอย่างช้า ๆ ฉันเห็นว่าฉันอยู่ใกล้กับบ้านไม้เก่า ๆ หลังใหญ่ ทันใดนั้น สุนัขจำนวนมาก โกรธมาก กระโดดออกมาที่ฉัน  พวกมันทำเสียงที่น่ากลัวและมีบางคนเรียกมาจากบ้าน "ใครอยู่ที่นั่น" 
          "จอร์จ   แจ็คสัน" ฉันตอบอบ่างรวดเร็ว ฉันได้ตกลงจากเรือในแม่น้ำ 
          " เยี่ยม " คนที่อยู่ในบ้านนั้นเป็นคนใจดีมาก และเขาพาฉันเข้าไปข้างใน และให้เสื้อใหม่แก่ฉันและอาหารที่ดี  ฉันบอกเขาว่ารอบครัวของฉันตายหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดว่า  ฉันสามารถอยู่กับเขาเท่าที่ฉันต้องการ ที่นั่นมันเป็นบ้านที่สวยงามและมีอาหารที่ดี ดังนั้นฉันจึงพักอยู่ที่นั่น
          ไม่กี่วันผ่านมา หนึ่งในทาสในบ้านมาหาฉันและพูดว่า "มากับฉันด้วยกัน พวกเราลงไปที่ต้นไม้บางต้นริมแม่น้ำ" ในที่นั่น เขาพูดและกลับออกไป
          บนพื้น ฉันพบผู้ชายคนหนึ่งนอนหลับอยู่ เขาคือ จิม  ฉันยินดีจริง ๆ ที่ได้เจอเขา เมื่อเรือกลไฟชนเเพ จิมบอกฉันว่า เเพไม่แตก จิมว่ายน้ำตามหลังมันและจับมัน แล้วเขาก็เริ่มมองมาที่ฉัน
          พวกเราตัดสินใจจากไปอีกสักครั้ง มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่อาศัยอยู่ใน้บานสำหรับชั่วขณะหนึ่ง แต่คุณรุ้สึกอิสระมากกว่าและง่านและสะดวกสบายบนเเพ


Chapter 4

 The Duck and The King


          สองหรือสามวันคืนผ่านไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก พวกเราดินทางในเวลากลางคืน เมื่อมันมืดและทุกคนกำลังนอนหลับ พวกเราไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นจิมและถามคำถามเกี่ยวกับเขา
         จากนั้นในเช้าวันหนึ่งหลังจากที่มันเป็นแสง ฉันพบเรือแคนูลำเล็ก ๆ ดังนั้นฉันจึงรีบนำมันมาและทำความสะอาดข้างเเม่น้ำ ฉันมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้น มีชายสองคนวิ่งผ่านต้นไม้
        "ช่วยด้วย" "ช่วยด้วย " เขาร้อง มีผู้ชายและสุนัขพยายามที่จะจับเรา แต่พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด
         ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 70 ปี ละอีกคนประมาณ 30 ปี พวกเขาทั้งคู่ดูแก่ เสื้อผ้าสกปรก ฉันบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะมาพร้อมกับฉัน และเราจะวิ่งกลับไปที่เรืออย่างรวดเร็ว

         กลับไปบนแพที่พวกเราคุยกันในเวลานั้นและชายหนุ่มพูด เพื่อนของฉัน ฉันคิดว่า .ฉันสามารถบอกคุณเกี่ยวกับความลับของฉันได้ในตอนนี้ ฉันพร้อมแล้ว" คูค "ปู่ของฉันเป็นลุฏชายของดูคแห่งเมืองบริดย์วอเตอร์ แต่เขาออกจากประเทศอังกฤษและมาที่อเมริกา เมือ่ดูคแก่และตาย น้องชายของปู่ของฉันได้ขโมยทุกสิ่งไปและทำให้ตัวเองเป็นดูคแห่งบริดย์วอเตอร์"
          เยี่ยม พวกเราทุกคนเศร้ามากสำหรับเื่อนของเรา ดูค แต่เขาบอกว่า ฉันจะมีความสุขมาก ถ้าคุณทำสิ่งนั้นเพื่อฉัน นำอาหารมื้อค่ำมาให้ฉัน
          ดังนั้นพวกเราทำสิ่งนั้นให้เขา และเขาก็ชอบมัน แต่ชายแก่พูดเบา ๆ และเขาดูไม่มีความสุขด้วย หลังจากเวลานั้นเขาพูดว่า เธอรู้  บริดย์วอเตอร์ ฉันด้วย มีความลับ  และเขาก็เริ่มร้องไห้
          "คุณหมายถึงอะไร" ดูคถาม  "ความลับอะไรของคุณ"
          และหลังจากที่ชายแก่บอกกับเราว่าเขาเป็นลูกชายคนแรกของกษัตริย์แห่งเมืองฝรั่งเศษจริง ๆ เขาถามพวกเราทั้งหมดเพื่อคุกเข่าลงไป เมื่อพวกเราพูดกับเขา พวกเราสามารถเรียกเขาว่าพระมหากษัตรย์ของคุณด้วย  เพื่อให้เป็นสิ่งที่พวกเราทำ และพวกเราทั้งสองมีความสุขแน่นอน ฉันรู้ว่า พวกเขาไม่ใช่ ดูคและกษัตรย์จริง ๆ แต่ฉันไมได้บอกจิม มันจะดีที่สุดถ้าทุกคนมีความสุข เมื่อเธออยู่ด้วยกันบนเเพ
          พระมหากษัตรย์และดูคตา่งสนใจในตัวจิงเป็นอย่างมาก  "เขาเป็นทาสใช่มั๊ย" พวกเขาต้องการที่จะรู้ "เขากำลงัหนีใช้มั๊ย"
          ฉันต้องบอกบางสิ่งกับเขา ดังนั้นฉันจึงพูดว่า จิมเป็นลุงของฉัน กำลังพาฉันไปหาครอบครัวที่เมืองนิวออเลียนสกัน
          ดี ! "พวกเราจะเดินทางลงไปทางแม่น้ำกับเธอ" นั่นเป็นคำพูดของพระมหากษัตริย์  พวกเราจะมีเวลาที่ดีด้วยกัน
          ดังนั้นพวกเราทั้งสี่ลงไปในเเม่น้ำ แต่จิมและฉันไม่ชอบผู้ชายคนนั้น พวกเขาดื่มเหล้าตลอดเวลาและวางแผนที่จะนำเงินของทุกคนออกจากไปในเเต่ละเมือง มันถูกต้องแล้วที่นำไก่หรือบางสิ่งไปด้วย หากคุณหิว แต่ชสยคนนี้เป็นคนไม่ดีจริง ๆ จิงและฉันตัดสินใจออกไปจากพวกเขาทัรทีที่พวกเราทำได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพระพวกเขาต้องการอยู่กับเขาตลอดเวลา
          ในเช้าวันหนึ่ง พระมหากษัตริย์ออกไปในเมืองแลละบอกพวกเราให้รอเขา  พวกเรารอตั้งแต่เช้าและเขาก็ไม่ได้กลับมา  ดังนั้น ดูคและฉันได้ออกไปในเมืองเพื่อตามหาเขา พวกเราตามหาเขาจนบ่ายและในที่สุด พวกเราก็พบเขาในบาร์ เขากำลังดื่มเหล้าและหลังจากที่เขาและดูคเริ่มต่อสู้กันเพื่อเงินจำนวนหนึ่ง
           ตอนนี้พวกเราสามารถหลบหนีจากพวกเขาได้ ฉันคิดหันหลังและวิ่งกลับไปที่แม่น้ำ เร็วเข้า !! จิม !! ฉันตะโกนเรียก มันเป็นเวลาท่เราจะไป แต่ที่นั่นไม่มีคำตอบกลับ จิมไม่ได้อยู่ที่นั่น 
          ฉันวิ่งเข้าไปในป่า ร้องและตะโกนเรียกชื่อ จิม แต่ก็ยังคงไมมีการตอบกลับมา
          จากนั้นเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาถึง "คุณเห็นทาสมั๊ย " ฉันถามเขา และฉันอธิบายเกี่ยวกับจิม
          "ทำไม" "ใช่" เด็กผู้ชายตอบกลับ เขาคือทาสที่กำลังหลบหนี ฉันได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับมันในเมือง ครอบครัวเรียกว่า เฟลป์ส และเป็นเขานตอนนี้ ชายแก่ในบาร์บอก นายเฟลป์ส ที่เป็นทาสที่หลบหนีอยูุ่บนเเพในเเม่น้ำ เขาพูด เขาไม่มีเวลาพาทาสกลับไปด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้น เฟลป์ส ให้เงิน 40 ดอลล่าร์ แก่เขาและพวกเราลงไปและจับทาสในบ่ายนี้ นาย เฟลป์ส กำลังพาเขากลับไปหาเจ้าของของเขา และพวกเราได้รับ 300 ดอลล่าร์ สำหรับเขา
          ฉันรู้ว่าชายทั้งสองคนนี้เป็นคนไม่ดี ฉันถามเด็กชายว่า เฟลป์ส อยู่ที่ไหน และเขาได้บอกว่า มันเป็นบ้านหลังใหญ่ สีขาว มีทางเล็ก ๆ ลงไปที่แม่น้ำ
          ฉันเริ่มวางแผนเพื่อนำตัวจิมกลับมา ก่อนอื่น  ฉันต้องทำแพและไปหาเกาะเล็ก ๆ  ฉันจะซ่อนแพไว้ใต้ต้นไม้และนอนที่นั่น ก่อนที่มันจะสว่าง  ฉันลงไปในแม่น้ำในเรือแคนู เมื่อฉันคิดเสร็จ ฉันอยู๋ใกล้กับที่ของ เฟลป์ส ฉันหยุดและออกจากเรือแคนูและขึ้นไปที่บ้าน ทันใดนั้น สุนัขจำนวนมากก็วิ่งอกมา พวกเขามาจากที่อื่นและพวกเขาทำจมูกน่ากลัว
          ผู้หญิงอายุราว ๆ 50 ปี วิ่งลงมาจากบ้าน กับเด็กตัวเล็ก ๆ ข้างหลังหล่อน หล่อนมีใบหน้าที่ยิ้มตลอดเวลา และหล่อนเรียกฉันโดยยดแขนแะร้องเรียก "มันเป็นคุณ ในที่สุดก็ไม่ใช่มัน"
          ฉันไม่สามารถหยุดคิดได้   "ใช่ แม่"   ฉันพูด
          ดี ! "อะไรที่เอาเธอไปแสนนาน พวกเราคิดว่าเธอจะกลับมาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ลองของเธอ เฟลป์ส ไปในเมืองทุกวันเพื่อตามหาเธอ เขาอยู่ที่นั้นตอนนี้ แต่เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ " หล่อนหยุดพูดและฉันไม่สามารถบอกหล่อนได้ที่หล่อนความผิด บอกเราเกี่ยวกับเขาทั้งหมด หล่อนร้องไห้ "บอกฉันทุกสิ่งเถอะ"
          ฉันรู้ว่าหลังจากที่บอกหล่อน เขาจะร้องไห้ เขาอยู่ที่นี่ เร็ว ๆ ซ่อนเร็ว และผลักฉํนเข้าไปในบ้านและซ่อนหลังประตู จากนั้นสามาของหล่อนก็เข้ามา และหล่อนถามเขา "เขาได้มาไหม"
          "ไม่ " สามีของหล่อนตอบ
           "นั่นดู " หล่อนตะโกน และหลังจากนั้น หล่อนดึงฉันออกมาจากหลังประตู
          "ทำไม นั่นใคร "  เฟลป์ส ร้องถามอย่างประหลาดใจ
          "มันเป็น ทอม ซาวเยอร์" หล่อนหัวเราะ



Chapter 5

 The Plan to Free Jim


          เมื่อฉันได้ยินอย่างนั้น ฉันเกือบจะตกลงบนพื้น แต่มันก็ถือว่าเป็นความโชคดีชั้นใหญ่ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะเป็น ทอม ซาวเยอร์ เพราะทอมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เขาและซิทน้องชายของเขาอาศัยอยู่กับป้าพอลลี่ ในถนนปีเตอร์เบิร์ก และฉันรู้เกี่ยวกับพวเขาทุกอย่าง ตอนนี้ฉันได้รู้ว่าป้าพอลลี่มีน้องสาว คนที่เป็นนางเฟลป์ส หล่อนและสามีของเธอ คือลุงแซลลี่  ของทอมและป้า ซิล่า และทอมกำลังลงมาจากทางใต้ โดยเรือเพียอยู่กับพงกเขาสำหรับกัด

           พวกเราทั้งหมดนั่งพูดคุยกันและฉแันจะตอบคำถามทั้งหมดของพวกเขาเกี่ยวกับครอบครัวซาวเยอร์ ฉันรู้สึกดี มีความสุขจริง ๆ เกี่ยวกับสิ่งนี้ ฉันได้ยินเสียงเรือในเเม่น้ำ ทอม จะอยู่ในเรือลำนั้น ฉันคิดแบบนั้น และเขากำลงัเดินมาที่นี่และเรียกชื่อของเขาออกไปกอ่นที่ฉันจะหยุดเขา ฉันมีความต้องการที่จะไปเจอเขา
          ดังนั้นฉันบอกนาย เฟล์ปส ว่า "ฉันจะไปในเมืองเพื่อรับกระเป๋าของฉันที่ท่าเรือ ฉันจะไปทางถนนเพื่ให้รวดเร็วขึ้น" และก่อนที่ฉันจะไปถึงครึ่งทางกอ่นถึงเมือง ที่นั้นมา ทอม ซาวเยอร์ กำลังตามมา
          เมื่อฉันเห็นเขา ปากของเขาเริ่มเปิดและดูเหมือนมีหน้าซีด "คุณตายแล้วหรือยัง" เขาถาม ทุกคนบอกว่าคุณเป็นฆาตกร
          "ฉันยังไม่ตาย" ฉันพูด แต่ฟัง.... ฉันบอกเขาเกี่ยวกับการผจญภัยของฉัน และทอมรักทุกสิ่งนี้ ในตอนนั้น ฉันบอกเขา เกี่ยวกับ เฟล์ปส  และพวกเขาคิดว่าฉันเป็น ทอม ซาวเยอร์ พวกเราทำอะไร ฉันถามเขา
          ทอมคิดสำหรับเรื่องราว จากนั้นเขาพูดว่า "ฉันรุ้" เธอนำกระเป๋าของฉันและพวกเขาพูดคือเป็นของเขา ฉันจะมาที่บ้านอีกครั้งในอีกครึ่งชั่วโมง
          "แน่นอน" ฉันพูด แต่ที่นั่นมีสิ่งอื่นด้วย เธอรูู็ว่า จิมเป็นทาสของชายแกวัตสัน คนที่วิ่งหนีไป "เยี่ยม" เขาเป็นนักโทษอยู่ที่นี่ และฉันกำลังจะช่วยพาเขาหนี
          จิม ? ทอมพูด แต่เขา.... หลังจากนั้นเขาหยุดคิดและไตร่ตรอง "ใช่" ฉันจะช่วยด้วย ฉันจะวางแผนให้ดี เขามองเเบบตื่นเต้นมาก
          ดังนั้น ฉันจึงแบกกระเป๋ากลับไปที่บ้าน และทอมก็กลับมาในครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาเคาะประตูและเมื่อป้าเเซลลี่ เปิดประตู เจาพูดว่า เขาคือ ซิท น้องชายของ ทอม เขาต้องการไปเจอเขาเพื่อที่จะทำให้ป้าแซลลี่ที่รักของเขาประหลาดใจ เขาพูด
          ดี ป้าเเซลลี่ ขอร้องที่จะพบทอมและซิท หล่อนคิดว่ามันคงน่าจะมหัศจรรย์มาก หล่อนและป้าซิล่า ช่างเป็นคนดีจริง ๆ 
          มันเป็นแผนการที่ดี เขาพูดเมื่อฉันพูดเสร็จ  แต่มันง่ายเกินไป มันเป็นการหนีจริง ๆ เหมือนกับการผจญภภัยในหนังสือจริง ๆ ดังนั้นพวกเราต้องการให้บางสิ่งยกขึ้นและอันตราย ตอนนี้  ฟังเพรื่องนี้ 
          ดังนั้นเขาบอกกับฉันว่าแผนของเขา  ฉันรู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีเพราะแผนของทอมมักจะบ้าและน่าตื่นเต้น
          พวกเราแน่ใจว่าจะสนุกกับแผนการนี้ เรารู้ว่าจิมถูกขังไว้ในกระท่อมนอกบ้าน ทุกคืนได้ออกทางหน้าต่างห้องนอนของเราและขุดหลุมไว้ใต้ผนังของกระท่อม มันต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์และมันก็ทำงานอย่างหนัก  พวกเราคุยกับจิมอย่างลับ ๆ เเละบอกเขาเกี่ยวกับแผนการ และเขาก็ยินดีจริง ๆ
          พวกเราเขียนจดหมายลับให้ทุกคน  ทอมพูดเสมอเกี่ยวการทำงานของเขาในหนังสือ พวกเราเขียนว่ามีแกงค์ขโมยทาสขึ้นมาจากทางทิศใต้ พวกเขาต้องการที่จะขโมยจิมและได้รับ 300 ดอลล่าร์จากเจ้าของของเขา ดีที่เฟล์ปส  และเพื่อนๆของพวกเขาได้ รู้สึกตื่นเต้นมาก  และในคืนหลบหนี ฉันเข้าไปนั่งในห้อง และมีฝูงชนของคนในนั้นทั้งหมดมีปืน
          ฉันวิ่งและบอกทอม และเขาพูดว่า "เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ มันเป็นความจริงในขณะนี้เป็นการผจญภัยจริง ๆ " เขาพูดอย่างตื่นเต้น เฟล์ปส  พวกเขาจะมาหลังจากที่เรายิงและเราถูกฆ่า
          ดี ! ไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับมันทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ซ เราจะมีจิมออกผ่านหลุมใต้ผนัง เเละเริ่มลงในแม่น้ำ แต่คนเราได้ยินหลังจากที่เขาเริ่มยิงและดังนั้นพวกเราต้องวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่เราสามารถวิ่งได้ไปที่เรือแคนู พวกเราไปในนั้นและไปที่เกาะของชาวสเปน เเพของฉันอยู่ที่นั่น และแผนของเราก็คือการหลบหนีที่นั่นและลงไปในเเม่น้ำ
          ตอนนี้จิม ฉันร้องไห้ เธอเป็นอิสระเเล้ว พวกเราทั้งหมดมีความสุขมาก แต่ทอมมีความสุขมากกว่าทุกคน เพราะเขามีกระสุนในขาของเขา
          เมื่อจิมได้ยินอย่างนั้น พวกเราจึงไม่ได้มีความสุขมาก  ทอมต้องการที่จะไปผจญภัย แต่จิงและฉันพูดว่าหมอต้องดูที่ขาของทอมก่อน ทอมไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่จิมพูด
         เธอฟังฉันนะ ทอมซาวเยอร์ เธอพูดว่า  ฉันเป็นอิสระแล้วตอนนี้ และฉันเป็น เฟล์ปส  แต่จิม จะไม่วิ่งหนีและปล่อยมือเพื่อนคนหนึ่งของเขาที่มีกระสุนอยู่ในขา ดังนั้น ฉันอยู่ที่นี่จนกระทั่งหมอมา
          ฉันรู้ว่าจิมบอกว่าเขาเป็นคนดี เป็นเพื่อนเเท้ และเธอไม่สามารถพูดได้ว่าเกี่ยวกัยคนจำนวนมาก 
          ดี ที่เป็นจุดสิ้นสุดของการผจญภัย จริงที่สุด ฉันไปและพบกับคุณหมอในเมือง เขาเป็นชายแก่ใจดี และเขาพูดว่าเขาจะไปเกาะทแต่ขาของทอมไม่ดี และวันต่อมาหมอและคนอื่น ๆ พาทอมไปที่บ้านของเฟล์ปส  พวกเขานำจิมไปด้วย พวกเขาขังเขาไว้ในกระท่อมอีกครั้ง แต่หมอพูดว่า ต้องใจดีกับเขา เพราะเขาไม่สามารถวิ่งออกไปได้และเขาจะอยู๋ช่วยฉันกับเด็กผู้ชาย
          พวกเขาเอาทอมขึ้นเตียงเพราะขาของทอมไม้ดี และป้าแซลลี่ นั่งอยู่กับเขาในเวลาที่เขาหลับ ฉันไม่ต้องการตอบทุกคำถาม ดังนั้น ฉันเก็บเอสไว้จากทางทางของทุกคน
          เมื่อทอมตื่นขึ้นมาในวันถัดมา เขารู้สึกดีขึ้น ฉันอยู่ในห้องและพูดกับฉันว่า จิมจริง ๆ ใช้มัํย ไม่ใช่เขา
          ฉันไม่รู้จะพูดอะไร เพราะป้าแซลลี่กำลังฟังอยู๋ด้วย และก่อนหน้านั้นฉันควรจะหยุดเขา ทอมเดินขึ้นไป
          พวกเราไม่ใช้ปา้แซลลี่ ฉันและทอมอยู่ที่นี่  พวกเราช่วยจิมหนี เขาบอกพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวกับการขุดและทุกสิ่งและปากของป้าแซลลี่ จะเปิดเเละปิดเหมือนปลา จากนั้นหล่อนจะโกรธทอมจริง ๆ 
           นี่ทาสที่ถูกขังอีกครั้งเขากำลังไปอยู่ที่นั่น และถ้าฉันจับเธออีกครั้ง
           จู่ ๆ ทอมก้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาร้องไห้ เฒ่าจิม ทาสของวัตสัน  แต่หล่อนตายไป 2 เดือนที่ผ่านมา กอ่นหล่อนตาย หล่อนเขียนสิ่งที่หล่อนต้องการให้จิมเป็นอิสระแลไม่เป็นทาสอีกต่อไป จิมเป็นคนที่มีอิสระ ไม่ใช่ทาส
          ดี มันเป็นเรื่แงน่าประหลาดใจสำหรับฉันและป้าแซลลี่ก็เช่นกัน หล่อนคิดว่าทอมเป็นบ้า แต่ซิท ทำไมเธอช่วยเขาหลบหนี ถ้าเขาเป็นอิสระแล้ว หล่อนพูด
           ฉันอยากผจญภัย แน่นอน ทอมพูด พวกเราได้ทำแผนและน่าตื่นเต้นจริง ๆ โอ้  ป้าพอลลี่ของฉัน
           พวกเราหันกลับมาและมีป้าพอลลี่ของทอมในทางเข้าประตู นั่เป็นความประหลาดใจครั้งที่สอง ป้าแซลลี่มีความยินดีมากที่จะเห็นน้องสาวของเธอ และได้กระโดดขึ้นไปวางแขนรอบหล่อน หล่อนได้อยู่ใต้เตียงให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แัญหาของฉันและทอมกำลงัเข้ามาา มันใช่ ถูกต้อง
          จากนั้น ป้าพอลลี่พูดกัลทอม "เธอมักจะเป็นเด็กที่น่ากลัว ทอม ซาวเยอร์ และฉันอยากจะรู้"
         " แต่พอลลี่ที่รัก"  ป้าเเซลลี่กล่าว นี่ไม่ใช่ทอม มันคือ ซิท  ทอมอยู่ที่นี่นาทีที่ผ่านมา เขาอยู่ไหน
           "ฮัค ฟินน์ อยูุ่ไหน" คุณหมายถึง..... ตอบป้าพอลลี่  ออกมาจากใต้เตียงนั้น ฮัค ฟินน์  ดังนั้น ทอมและฉันได้อธิบายทุกสิ่ง ป้าพอลลี่พูดสิ่งที่ป้าแซลลี่ เขียนและบอกหล่อนที่ทอมและซิทอยู่ที่นี่  หล่อนรู้ว่่ามันไม่ใช่ความจริง ดังนั้นหล่อนตัดสินใจที่จะไปและหาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หล่อนพูดสิ่งที่มันเป็นความจริงเกี่ยวกับนางสาววัตสัน และที่จิมได่เป็นอิสระในตอนนี้ 
           พวกเราพาจิมออกจากระท่อมและป้าแซลลี่และป้าซิ่ล่าก็ยินดีกับเขาด้วยจริง ๆ หลังจากที่ทอม จิม และ ฉัน คุยกับเป็นเวลานานเกี่ยวกับตัวเรา ทอมพูดและก็พูด และหลังจากนั้น เขาพูดว่า พวกเราทั้งสามวิ่งออกไปในคืนนี้และไปมีการผจญภับในป่าทางใต้ของประเทศ
           มันฟังเหมือนการวางแผนที่ดีสำหรับฉัน  มีเพียงสิ่งเดียวคือ ฉันกล่าวว่า "ผมไม่ได้มีเงินที่จะซื้อเสื้อผ้าที่เหมาะสมและสิ่งใด ๆ เงินทั้งหมดในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจะอยู่ในกระเป๋าของป๊อปในขณะนี้"
            "ไม่มี" ทอมกล่าว "เงินทั้งหมดของคุณที่นี่ เงินของป๊อปจะไม่กลับมา"
            "ไม่ และเขาจะไม่กลับมา ฮัค" จิมกล่าว  "เธอจำเอาไว้ว่าคนที่ตายในแม่น้ำ เมื่อผมบอกว่า อย่ามองไปที่ใบหน้าของเขา อือ มันเป็นของป๊อป  เธอสามารถรับเงินของเธอได้เมื่อเธอต้องการ"
            ขาของทอมก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้ และฉันไม่ไ้ด้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนมากขึ้น ฉันยินดีจริง ๆ กับสิ่งนี้ เพราะมัันยากที่จะเขียนหนังสือและฉันยังไม่ทำมันอีก แต่ฉันคิดว่า ฉันจะวิ่งออกไปก่อนสิ่งอื่นใด เพราะป้าแซลลี่ต้องการใก้ฉันอยู่กับหล่อน ฉันจะหลับบนเตียงและสวมเสื้อผ้าที่สะอาดและเรียนแต่สิ่งที่ดีและฉันไม่สามารถทำมันอีกครั้ง ฉันได้ทำมันอีกครั้งแล้ว

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 27 ตุลาคม



สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนและจากการอบรม


          ภาษาอังกฤษล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ ถือไดว่าภาษาอังกฤษมีบทยาทสำคัญอย่างยิ่งกับคนไทยและคนทั่วโลก เพราะทุกคนล้วนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเตอร์เน็ต ดูทีวี ดูหนัง เป็นต้น รวมทั้งการใช้ภาาาในทางอ้อม คือการสร้างสิ่งแวดล้อมเป็นภาษาอังกฤษ เช่น ฟังเพลง ใช้ขอใช้ต่าง ๆ พูดไทยคำอังกฤษคำ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการติดต่อสื่อสารที่ต้องอาศัยทักษะทางภาษาทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องมีความรู็ทางด้านภาษาอังกฤษ มีทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งต้องพัฒนาทักษะเหล่านี้อยู่เสมอเพื่อสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่วไม่ติดขัด สำหรับการเรียนรู้นี้ก็รู็กันอยู่แล้วว่า การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เราทุกคนต้องแสวงหาความรู็อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาและยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น การเรียนรู้นี้ก็สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น เราทุกคนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสามารถเข้าใจ สื่อสารกับคนอื่นทั่วโลกได้ ดิฉันเองในฐานะที่เป็นผู้สนใจภาษาอังกฤษ แน่นอนอยู่แล้วว่าจะหยุดกาเรียนรู้ไม่ได้ ดิฉันจึงนำเวลาว่างจากการทำงานและการเรียนของฉันมาศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอด้วยเช่นกัน
          ในวันที่ 27 ตุลาคม นี้ ดิฉันได้ใช้เวลาว่างจากการเรียนและำการบ้านมาฝึกทักษะการฟังสากลโดยฟังเพลง Until you ของศิลปิน Shayne Ward ซึ่งเพลงนี้ เป็นเพลงที่มีทำนองช้า ฟังง่าย ไพเราะ ดิฉันได้ฟังเพลงนี้เพื่อนำไปใช้ในการตัดต่อวีดีโอ จึงได้ฟังเพลงนี้หลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจ โดยครั้งแรกดิฉันฟังเพลงนี้โดยไม่ดูเนื้อร้อง และพยายามร้องตาม แต่ผลปรากฏว่าร้องไม่ทัน ร้องไม่ถูกต้อง จึงฟังเพงนี้อีกสองรอบ โดยที่ดูเนื้อเพลง และร้องตาม ทำให้ร้องทันเป็นบางประโยค จึงลองเปิดเนื้อเพลงแล้วร้องตาม ทำให้ร้องตามทันเป็นบางประโยค จึงลองเปิดเนื้อเพลงทั้งหมดขึ้นมาเพื่อร้องตาม ทำให้พบว่าในเพลงนี้มีความหมายเกี่ยวกับความรัก มีการใช้ประโยค It feels like nobody ever knew me until you knew me บ่อยมาก และคำหลักในเพลงนี้คือ feels เช่น It feels like nobody ever knew me until you knew me , Feels like nobody ever loved me until you loved me , Feels like nobody ever touched me until you touched me จะเห็นว่าในแต่ละประโยคจะมีการใช้ past tense เช่นคำว่า feels, loved, touched , addicted , through เป็นต้น เมื่อศึกษาเนื้อเพลงแล้วดิฉันได้กลับไปฟังเพลงนี้อีก 2 ครั้งแล้วร้องตามอีก 2 ครั้ง ทำให้ดิฉันสามารถร้องเพลงนี้ได้ แต่ยังบางประโยคที่ยังไม่ชัดเจนและสำเนียงการร้องยังไม่ไพเราะจึงฝึกร้องเรื่อย ๆ ซึ่งจากการฟังเพลง until you นี้ ทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง การแปล การออกเสียง และการศึกษาแกรมม่า ในเนื้อเพลงอีกด้วย จากการฟังเพลงแค่หนึ่งเพลงนี้ทำให้เกิดการพัฒนาหลายทักษะและยังเกิดความสนุกสนานอีกด้วย
ในวันที่ 28 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่า่นข่าวบันเทิงของต่างชาติจาก http://learningenglish.voanews.com/search/search2.aspx#all|American%20Halloween%20Goes%20the%20Dogs|0|allzones|min|now|date|banner ในหัวข้อข่าวเรื่อง American Halloween Goes to the Dogs เนื้อข่าวเกี่ยวกับการนำสุนัขมาแต่งตัวร่วมกิจกรรมวันฮาโลวีนที่มีทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงในชุดต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ฉันอ่านแล้วลองหาศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย ผลปรากฏว่ามีคำศัพท์ที่ไม่รู้ดังนี้ 
    -   costumes – n. clothes worn by someone in a different role ​
    -   pets – n. an animal (such as a dog, cat, bird, or fish) that people keep mainlyfor pleasure
    -   mastiff – n. a type of large, powerful dog, once bred as a warrior
    -  chihuahua – n. a very small dog with large ears and usually short hairoriginally from Mexico
    -  characters – n. a person who appears in a story, book, play, movie ortelevision show
    -   celebrities – n. people who are famous
    -   bow tie – n. a narrow length of cloth that is worn by men around the neck andtied into a bow at the throat
    -   craze – n. something that is very popular for a period of time
    -   optimization – n. making something as good or as effective as possible
จากข่าวทั้งหมดจะพบคำศัพท์ที่ไม่รู็ความหมายเพียงไม่กี่คำ ทำให้ดิฉันสามารถอ่านและแปลความหมายได้อย่างไม่ติดขัด
          ในวันที่ 29 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง Hello ของศิลปิน Adele เพลง wildest dreams ของศิลปิน Taylor Swift เพลง love me like you do ของศิลปิน Ellie Goulding และเพลง blank space ของศิลปิน Taylor Swift ก่อนที่จะไปร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ “ เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ” ในตอนเช้านั้น ในการอบรมครั้งนี้มีท่านวิทยากรชื่อดังมาบรรยายให้ความรู้ได้แก่  ผศ.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร และผู้บรรยายอีกสามท่าน ในการอบรมครั้งนี้นอกจากมีนักศึกษาคณะครุศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษทั้งสองห้อง จำนวนเกือบ 60 คนเข้าร่วมแล้ว ยังมีคระครูอาจารย์จากสถานศึกษาต่างสถาบัน ทั้งสถานศึกษาระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และในระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงบุคคลอื่น ๆ อีกมานที่สนใจได้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้  ทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ “ เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ” จัดขึ้น ณ ห้องประชุมพรหมโยคี ชั้น 4 อาคาร 19 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ใช้เวลาในการอบรมเป็นเวลาสองวัน คือวันที่ 29-30 ตุลาคม 2558 เวลา 08.30-16.00 น.
          ในการอบรมทั้งสองวันนี้ ดิฉันได้เข้าร่วมทั้งสองวัน และจากการที่ได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ทำให้ได้ทั้งความรู็และข้อคิดดีๆ มากมายสำหรับเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ซึ่งดิฉันสามารถนำความรู็เหล่านี้าประยุกต์ใช้ในการเรียนและนำไปใช้ได้จริงเมื่อจบการศึกษาออกไปเป็นครูในอนาคต จากการอบรมครั้งนี้ดิฉันสามารถสรุปความรู้จาการอบรมได้ดังนี้
          สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 29  ตุลาคม2558 (ภาคเช้า) พิธีกรได้พูดถึงความสำคัญของภาษาอังกฤาที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต และความสำคัญของภาษาอังกฤษที่ทวีคูณความสำคัญมากขึ้นและก็ในตอนเช้าหลังจากการกล่าวเปิดงานและต้อนรับวิทยากร โดยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมอบรมในนามสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย (Thailand TESOL) โดย ผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล นายกสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทยได้มีการเสวนาวิชาการงานวิจัย ในหัวข้อ Beyond Language Learning โดยมีผู้ร่วมเสวนาจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ ดร.สุจินต์ หนูแก้ว, อาจารย์สุนทร บุญแก้ว และผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล ทำให้ทราบว่า ในการเรียนการสอยสมัยนี้ได้เกิดความเสมอภาคระหว่างครูและนักเรียน โดยที่ครูและนักเรียนสามารถเป็นได้ทั้งผู้นำ (Leader)และผู้ตาม (Follower) ไม่ว่าครูหรือนักเรียนสามารถแนะนำความรู้ใหม่ๆได้เสมอ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นครูเท่านั้นที่ให้ความรู้ได้ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้การศึกษาจะใช้หลักการ 5 C เป็นสำคัญ ในการเรียนการสอนนั้น ได้แก่
      C1 = Communicate ทักษะทางด้านการสื่อสาร 
      C2 = Culture ทักษะด้านความเข้าใจในวัฒนธรรม 
      C3 = Connection ทักษะการเชื่อมโยง
      C4 = Comparison ทักษะการเปรียบเทียบ 
      C5 = Community
แต่ภายหลังมานี้ จากการวิจัยแล้วพบว่า เพียงแค่  5 C จะไม่สามารถพัฒนาบุคคลด้านการเรียนได้เลย ในศตวรรตที่ 21 นี้ จำเป็นต้องมีทักษะการเรียนทั้งหมด 7C ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ 
      C1 = Critical Thinking and Problems (ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา)
      C2 = Creativity and Innovation (ทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
      C3 = Cross-culture understanding (ทักษะความเข้าใจความต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนการ)
      C4 = Collaboration Teamwork and leadership (ทักษะความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและการเป็น                    ผู้นำ)
      C5 = Communication Information medication (ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศและรู้เท่าทัน) 
      C6 = Compute ring and listening  (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และการฟัง)
      C7 = Career and learning skill (ทักษะอาชีพและการเรียนรู้)
ทั้ง 7C นี้จะสามารถพัฒนาบุคคลด้านต่าง ๆ ได้ดีกว่าแลเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จากการอบรมนี้ทำให้เห็นถึงการเรียนรู้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับครูผู้สอนว่าจะมีวิธีการสอนอย่างไรให้เด็กเกิดการพัฒนามากที่สุด และเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
          และอีกเรื่องที่ท่านวิทยากรทั้งสามได้เสวนา ได้แก่เรื่อง แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่ คือการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 เป็นการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้โดยร่วมกันสร้างรูปแบบและแนวปฏิบัติในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 โดยเน้นองค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญและสมรรถนะที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน เพื่อที่จะพัฒนาตนเองได้และสามารถใช้ในการดำเนินชีวิตได้ต่อไปในยุคสมัยใหม่ ๆ โดยจะอ้างถถึงรูปแบบ (Model) ที่พัฒนามากจากเครืองข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 นี้ และจะสอดคล้องกับการเรียนการสอนยุคใหม่ หรือ MT นั้นเอง ซึ่ง MT นี้ก็คือ Multiple intelligent  หมายถึง การออกแบบในแต่ละครั้ง ครูต้องคำนึงถึงความสามารถของผู้เรียน ต้องออกแบบบทเรียนให้สอดคล้องกับความรู้และความสามารถของเด็กแต่ละคนให้ครบทุกด้าน ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดการเรียนการสอน
          หลังจากนั้นได้เปลี่ยนประเด็นมาพูดถึง  Critical Thinking  Skill แต่หากผู้ที่สามารถวิเคราะห์ได้นั้น เขาจะตัดสินใจได้ว่าจะทำแบบนั้นเพราะอะไร มีผลดี ผลเสียอย่างไรบ้าง เกิดการวิเคราะห์ มีทักษะชีวิต หรือ life skill ถ้าผู้เรียนคิดได้หลากหลายเเสดงว่าเขามี creative  แต่ในการ  creative  นั้นจะต้องมี Critical Thinking  Skill  ด้วย เพื่อที่จะสามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลที่สุด  หลังจากจะเกิดเป็นผลดีแก่ตัวผู้เรียนเองทั้งหมด หลังจากี่พูดเรื่องนี้จบแล้วท่า่นได้ยกประเด็น Innovation มาพูดชี้แจงองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ซึ่งได้แก่ New    Different    Better  คือ นวัตกรรมจะต้องมีความทันสมัย เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา และต้องแตกต่างจากของเดิม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดีกว่าเดิมด้วย นั่นคือ การผลิตใหม่ที่ให้ความแตกต่างและต้องเป็นนวัตกรรมที่ดีกว่าของเดิมที่มีอยู่แล้วนั่นเอง
          และพูดในหัวข้อ High Thinking  Skill หรือความคิดขั้นสูงนั่นเอง ซึ่งก็คือ ความคิดในระดับที่สูงกว่าปกติ คือการคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน คำนึงถึงทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบ ซึ่งจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  Analyzing เป็นการแก้ไขปัญหาในการพัฒนาการคิดวิเคราะห์จะมีขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา ดังนี้
   1. การบูรณาการจัดกิจกรรมในห้องเรียน
   2. มีการจัดกลุ่มและจำแนก
   3. การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ความเหมือนและความขัดแย้ง
   4. การวิเคราะห์ตามสภาพข้อเท็จจริง
   5. การทำนายอนาคต การคาดคะเน การเดา  ซึ่งทั้งสามตัวนี้มีความต่างกัน
ทั้ง 5 ขั้นตอนี้เป็นการบูรณการความคิดเเบบ High Thinking  Skill
          จากการฟังเสวนาในหัวข้อ  Beyond Language Learning  ในครั้งนี้ สามารถอธิบายรายละเอียดของการสอบภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ ทักษะ 7 C ,การเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21, Critical Thinking  Skill และ High Thinking  Skill  ได้อย่างชัดเจน อธิบายหลักการต่าง ๆ น่าสนใจ และมีการนำตัวอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชั้นปีที่ 1 สาขาการท่องเเที่ยว ที่ไปทัศนศึกษาประเทศสิงคโปร์  เป็นเวลา 3 เดือน โดยที่นักศึกษาจะไม่ได้รับการดูแลใดใดในการใช้ชีวิต นักศึกษาจะต้องวางแผนการดำเนินชีวิตของเขาเอง มายกตัวอย่างให้เกี่ยวกับโครงการดี ๆ ที่ช่วยในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ รวมถึงทักษะทางภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งจากการฟังเรื่องบรรยายต่าง ๆ ทำให้เกิดความคิดว่า หากทุกมหาลัยมีโครงการดี ๆ แบบนี้ นักศึกษาก็คงจะเก่งภาษากันหมดแล้ว และนอกจากนี้ หลังการเรียนการสอนในหัวข้อต่าง ๆ ที่ได้เสวนา ยังทำให้ดิฉันเกิดความรู้ความเข้าใจและสามารถนำแนงทางจากการอบรมมาประยุกต์ใช้ในอนาคตได้
          ในภาคบ่ายของการอบรม แน่นอนว่าบรรยากาศในการอบรมนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกง่วง ดังคำพูดที่ว่า หนังพุงตึง หนังตาหย่อน ท่านวิทยาการในภาคบ่ายนี้ ได้แก่ ผศ.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร  ท่านวิทยากรรู้ปัญหา จึงไม่เน้นเนื้อหามากนัก แต่จะเน้นการทำกิจกรรม เพื่อไม่ให้ผู้เข้าร่วมผบรมเบื่อและเกิดอาการง่วงนอน ซึง่เกมส์ที่ผู้บรรยายนำมาใช้ก็ยังคงมัเนื้อหาเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเนื้อหาที่อบรม เกมส์ที่ใช้ได้แก่ เกมส์ คอสเวิร์ด คือการหาคำศัพท์จากตังอักษาที่อยู่ใกล้กัน ใครหาได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดก็จะได้รับรางวัล ซึ่งถือเป็นการเสริงแรงเด็กในการทำกิจกรรม จากการเล่นเกมส์นี้ทำให้ทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะตอบมาก ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แต่หลัง ๆจะสังเกตได้ว่าคนเล่ยจะเริ่มน้อยลงเพราะใช้เวลานานเกินไป ทำให้น่าเบื่อ จากการเล่นเกมส์นี้ ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น รวมทั้งคำที่เป็นอักษรย่อด้วย นอกจากคำศัพท์แล้ว เกมส์นี้ยังทำให้ดิฉันได้ฝึกการสังเกต การหาคำศัพท์ด้วยความว่องไวในเวลาที่จำกัด ทำให้เป็นคนช่างสังเกต มีไหวพริบ สามารถทบทวนคำศัพท์เดิม และเกิดคำศัพท์ใหม่ด้วย และสามารถแชร์คำศัพท์กับผู้อื่นได้ด้วย
          หลังจากที่เล่นเกมส์จบเเล้ว ท่านวิทยากรได้พูดถึง 10 ภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก ซึ่งภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดได้แก่ภาษา Mandarin ภาษาที่สองได้แก่  Hindi หรือ Urdu  ภาษาที่สาม ได้แก่ Spanish  ภาษาที่สี่ได้แก่  English  ภาษาที่ห้าได้แก่  Arabic ภาษาที่หกได้แก่  Portuguese ภาษาที่เจ็ด ได้แก่ Beng ali ภาษาที่แปดได้แก่ Russian ภาษาที่เก้าได้แก่  Japanese และภาษาที่สุดท้ายได้แก่  Punjabi จากสถิตินี้จะเห็นได้ว่าภาษาอังกฤษจะอยู่ในลำดับที่ 4 จาก 10 ภาษา ดังนั้นการทีเราศึกษาภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ และหลังจากที่พูดถึง 10 ภาษานี้แล้ว  ท่านวิทยากรได้พูดถึงคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เป็นคำทับศัพท์ เช่นคำว่า chill chill , out , over , jam ,back , noy รวมทั้งคำศํพท์ติดปากที่ไม่มีอยู่ในพจนานุกรม ได้แก่คำว่า ชุดแซก ,american share เป็นต้น และก็ยี่ห้อต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
          ปัจจัยที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง มี 3 ปัจจัย ได้แก่ Basic-Human-Needs สิ่งสำคัญที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนมากที่สุดก็คือ WIFI คือตัว wifi  จะเป็นตัวเชื่อมต่อกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมนยุคสมัยนี้ มีการแชทออนไลน์  Line , Facebook , Tango และอื่น ๆ อีกมากมาย จะทำมห้เกิดภาษาแปลก ๆ คำศัพท์แปลก ๆ ขึ้นมาและเข้าใจกันเองภายในกลุ่มแต่ผิดทางภาษา โดยที่ภาษาทางอินเตอร์เน็ตนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดเจน จะมีการสะกดคำในรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่มาตรฐานเดิม ทั้งการลด สะกดคำผิด การเสริมคำ ต่าง ๆ มากมาย ทำให้ภาษาที่ใช้จริงในพจนานุกรมถูกลืมและกลับมองข้ามไป จนไม่สามารถกลับมาใช้ศัพท์เดิมได้อีก เพราะเกิดจากความเคยชินที่ใช้ภาษาผิด ๆ
          หลังจากนั้นท่านวิทยากรได้พูดถึงเรื่องการออกเสียง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพูดติดต่อสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ และเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการพูดออกมาเเล้วสำเนียงเหมือนกับภาษานั้น ๆคนอื่นเข้าใจง่าย ซึ่งการออกเสียงที่ดีนั้นจ้องอาศัยอวัยวะต่าง ๆ ในการออกเสียง นั่นก็คือ ปอด ปุ่มเหงือก ลิ้น ฟันบน ฟันล่าง ริมฝีปาก  และส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย โดยทางวิทยากรได้สอนอวัยวะในการออกเสียงและได้อธิบายอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ได้ฝึกการออกเสียงในกลุ่มต่าง ๆ คือ place of articulation , manner of articulation  และการออกเสียง voiced and voiceless ท่านวิทยากรได้ยกตัวอย่างคำให้ฝึกออกเสียง เช่นคำว่า pen , book , town , day , cat , moon , name , sing , zoo และคำอื่น ๆ อีกมาก หลังจากนั้นได้พูดถึง Phonology การเน้นเสียง stress ได้อ่านตามคพที่แกยกตัวอย่างมา ได้แก่คำว่า  photograph , pencil, society เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้สามารถ stress ได้หลายแบบ   จากการฝึกออกเสียงในครั้งนี้ทำให้รู้ว่าทุกเสียงนั้นมีที่มาต่างกัน บางเสียงขับออกมาด้วยริมฝีปาก บางเสียงถูกขับออกมาด้วยฟัน เป็นต้น ทำให้ดิฉันรู้แหล่งการเกิดเสียงและเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
          จากการอบรมในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ทำให้ดิฉันรู้ว่าการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 นั้นจะมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสาร และจำเป็นที่จะต้องบูรณาการทักษะต่าง ๆ ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียนไปในการจัดการเรียนการสอนด้วย นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้แหล่งที่มาและองค์ประกอบของการเกิดเสียงอีกด้วย ทำให้เกิดทักษะการพูดที่ดีขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ได้และทำให้ดิฉันสามารถออกเสียงได้ถูกต้อง และสามารถนำความรู็ที่ได้จากการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการเรียนตอนนี้และในการสอนในอนาคตอีกด้วย ดังนั้น จากการอบรมภาษาอังกฤษเชิงบูรณาการในวันนี้ ทำให้ดิฉันได้รับความรู้ หละกการ เทคนิคการสอน และยังได้ความสัมพันธ์ที่ดี และได้พบเจอพูดคุยกับครูอาจารย์โดยตรงอีกด้วย ทำให้รู้ประสบการณ์ที่ท่านได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
          ในวันที่ 30 ตุลาคม ดิฉันได้เข้าร่วมอบรมอีกหนึ่งวัน ในตอนเช้าท่า่นวิทยากร ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ได้ชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรตที่ 21 พูดถึงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีต  การเรียนการสอนในศตวรรตที่ 21 และกลวิธีการสอนภาษาในปัจจุบัน ได้แก่ วิธีการสอนแบบไวยากรณ์และการแปล จะไม่เน้นการฟังและการพูด แต่จะเน้นด้านไวยากรณ์และการแปล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านตำราได้อย่างคล่องแคล่ว วิธีการสอบแบบตรง เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนสื่อสารด้วยภาษาที่เรีน เป็นการให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยคและบทสนทนาได้ วิธีการสอบแบบฟัง-พูด ครูเน้นการฟัง - พูด โดยให้นักเรียนเลียนแบบเสียงของผู้สอยจนเข้าใจ เน้าการท่องจำบทสนทนา แล้วจึงเริ่มการฝึกอ่านและเขียน วิธีการสอบแบบเงียบ วิธีการสอบแบบธรรมชาติ วิธีการสอนแบบชักชวน วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง การเรียนรู้แบบร่วมมือ การเรียนรู็แบบเน้นภาระงาน การเรียนรู้จากการทำโครงงาน แนวการสอนแบบกำหนดสถานการณ์ แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร การอสนที่เน้นสาระการเรียนรู้ และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
          หลังจากนั้นได้พูดถึง การศึกษาในศตวรรตที่ 21 ซึ่งจะมีองค์ความรู้หลักดังนี้ ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาแม่ , ทักษะการอ่าน , ทักษะการใช้ภาษาอื่น ๆ , ภาษาต่างประเทศ , ศิลปะ , คณิตศาสตร์ , วิทยาศาสตร์ , เศรษฐศาสตร์ , ภูมิศาสตร์ , ประวัติศาสตร์ , การปกครองและหน้าที่พลเมือง , สาขากลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ และวิธีการดำเนินชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต รวมทั้งสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญในศตวรรตที่ 21 ที่จำเป็นต้องบูรณาการในการเรียนการสอน จำแนกออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่
      1.  ความตระหนักเกี่ยวกับโลก
      2.  ความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
      3.  ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง
      4.  คสามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ
      5.  ความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม
ต้องบูรณาการผสานในการเรียนการสอนในความรู้วิชาหลักควบคู่กับ 5 ประเด็นสำคัญในศตวรรตที่ 21
          การศึกษาในศตวรรตที่ 21 เป็นทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม จะมีหลักการดังนี้ ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม , ความคิดเชิงวิพากษ์ , การแก้ไขปัญหา , การสื่อสารและการร่วมมือ ท่านวิทยากรได้พูดถึงปฎิญญาว่าด้วยการจัดการศึกษาของ UNESCO ที่ว่า Learning to know  Learning to do  Learning to live with the others และ  Learning to be ให้ฟังอย่างชัดเจนและน่าสนใจ หลังจากนั้นได้ร่วมกันตอบคำถามที่ท่านวิทยากรถามจำนวน 2 ข้อ และนำมาวิเคราะห์กัน หลังจากนั้นท่านได้พูดถึง ครูในศตวรรตที่ 21 ว่าควรมีลักษณะอย่างไร คือ ครูจะต้องสนใจเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการปรับการเรียนการสอนอยา่งบูรณาการ มีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณภาพโดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า Social networks นั่นเอง นำมาสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในปัจจุบัน
          หลังจากนั้นในช่วงบ่ายท่านวิทยากรได้พูดถึง The Flipped classroom เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่กำลังเป็นที่นิยม โดยครูจะสอนแต่สิ่งที่สำคัญแล้วให้นักเรียนฝึกต่อยอดองค์ความรู้ เปลี่ยนการสอนจากครูเป็นหลักให้เป็นนักเรียนเป๋นหลัก โดยครูจะปรับบทบาทเป็น coach เพื่อให้เด็กได้ฝึกปฎิบัติจริง และเกิดความรู้แบบ active learning และพูดถึง ต้นกำเนิดของการเรียนกลับด้าน หรือ The Flipped classroom จนมาถึงปัจจุบันที่ได้เเพร่ขยายเป็นวงกว้าง เมื่อจบการบรรยายแล้วท่านวิทยากรได้นำเกมส์มาใช้ในการอบรมและบูรณาการกับการเรียนการสอน เพราะในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมอบรมเริ่มเบื่อหน่าย ไม่สนใจ และเกิดอาการง่วงนอน ท่านวิทยากรได้พูดเกริ่นเรื่องเกมส์กับการบูรณาการการเรียนการสอบและให้เล่นเกมส์
          เกมส์ที่ได้เล่นคือ เกมส์ Tic Tac Toe ผู้เล่นนจะแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ และกำหนดการเล่น เป็นการเป่าฉิ่งชุป ตามเพลง เป้นท่าทางประกอบเพลง เพื่อปลุกและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมอบรมเกิดความสนใจ เกมส์นี้เริ่มเล่นจากคู่สองคน จากนั้นจะค่อย ๆ หากลุ่มจากคนที่เเพ้จะต้องมาอยู่กับฝ่ายที่ชนะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเหลือคู่สุดท้าย ปลายแถวก็จะยาว มาต่อสู้กันเพื่อค้นหาผู้ชนะ จากการเล่นเกมส์นี้ ผู้เล่นต้องอาศัยทักษะความว่องไว คงบคู่กับการมีสมาธิ และสิ่งที่ได้จากการเล่นเกมส์นี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน ระหว่างทีม ทำให้ผู้เล่นเกิดความสามัคคีปรองดอง และถือเป็นเกมส์ที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกด้วย เหมาะแก่การทำความร้จักกันและฝึกความสัคคีภายในทีม
          เกมส์ที่สองที่ได้เล่น คือเกมส์ โยนบอล ดดยจะมีลูกบอลจำนวน 20 ลูกให้ผู้เล่นโยนไปให้ผู้อื่นตามเพลง หากเพลงหยุด และลูกบอลอยู่ที่ใคร คนนั้นจะต้องออกไปร่วมกิจกรรมด้านหน้าเมื่อได้ผู้เล่น 20 คนที่ถือลูกบอลไว้หลังจากเพลงจบแล้ว ท่านวิทยากรให้ทั้ง 20 คน แต่งนิทานคนละ 1 ประโยค และให้จบเป็น  1 เรื่อง ภายใน 20 ประโยคนั้น จากนั้นก็เริ่มแต่งนิทานกันอย่างสนุกสนานโโยเรื่องที่แต่งนั้นก็จำเป็นต้องต่อมากจากคนก่อนหน้าและจบลงในคนที่ 20 ดังนั้น ทุกคนที่แต่งนิทานจะต้องใช้ไหวพริบในการแต่งประโยคภายในเวลาน้อยนิดให้สอดคล้องเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ หลังจากที่นิทานได้ถูกแต่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว ท่านวิทยากรได้แบ่งกลุ่มให้แต่ละกลุ่มช่วยกันวาดภาพจากนิทานที่แจ่งขึ้นมาภายในเวลา 15 นาที
          กลุ่มของดิฉันได้แบ่งหน้าที่กัน วางแผนก่อนวาดภาพ ว่าใครทำอะไร อย่างไร แล้วลงมือปฏิบัติ หลังจากที่วาดภาพเสร็จได้ออกไปบรรยายเรื่องหน้าห้อง โดยส่งตัวแทนกลุ่ม 2-3 คนแต่ท่านวิทยากรได้ให้กฏการบรรยายภาพว่า จะต้องบรรยายเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องโดยใช้เพียง 3 ประโยคเท่านั้นในการบรรยาย ผู้บรรยายจะต้องมีสมาธิรวบรวมสรุปเรื่องราวให้ไดเจาก 20 ประโยค สรุปให้เหลือเพียง 3 ประโยค ต้องใช้ไหวพริบว่องไวในการคิดด้วย หลังจากที่นำเสนอ 3 ประโยคเสร็จแล้วได้มีการโหวดภาพให้คะแนนกลุ่มที่วาดภาพสวย และสรุปเรื่องได้ดีด้วย ซึ่งดิฉันคิดว่าดีทุกกลุ่ม แต่บางกลุ่มยังมีข้อบกพร่องอยู่ด้วยเช่นกัน ผู้ที่ได้รัรบคะแนนโหวดมากที่สุดฏ้จะได้รับของรางวัลไป
          เกมส์สุดท้ายที่เล่น คือเกมส์ฟังนิทานและหาคำนามในนิทาน และจะต้องตีมือเพื่อนข้าง ๆ หากได้ยินคำนามด้วย แน่นอนว่าเกมส์นี้ต้องอาศัยความว่องไวอย่างแน่นอน ผู้เล่นจะต้องฟังนิทานจากวิทยากร และหากมีคำนามต้องหลักมือไม่ไห้เพื่อนตีได้ ซึ่งเกมส์นี้อาศัยความว่องไว  ความมรสมาธิ และทักษะการฟังเป็นสำคัญ เมื่อนิทานจบท่านวิทยากรได้ถามว่านิทานเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ไม่มีใครสามารถตอบได้ เนื่องจากทุกคนมัวตั้งใจฟังคำนามเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจเนื้อเรื่อง ทำให้ดิฉันคิดว่า เมื่อเราทพอะไร เาจะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นจนลืมมองดูอีกสิ่งหนึ่งไปในขณะเดียวกัน หลังกจากเกมส์นี้จบก็จะเป็นการมอบเกียรติบัตรและปิดการอบรมในครั้งนี้
          จากการอบรมภาษาอังกฤษเชิงบูรณาการและการประยกต์ใช้ โดย ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร และผู้เสวนา ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล นายกสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย และผู้ร่วมเสวนาอีก 2 ท่าน ดรฬสุจินต์ หนูเเก้ว และ อาจารย์สุนทร บุญแก้ว  ในวันที่ 29 - 30 ตุลาคม 2558 นี้ ทำใก้ดิฉันเกิดความรู้มากมาย เกี่ยวกับการสอบภาษาอังกฤษในหัวข้อต่าง ๆ เกิดความรู้ ความสนุกสนาน สามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตได้ ไม่วาจะเป็นการสอบคำศัพท์ คำศัพท์ต่าง ๆ เกมส์ วัฒนธรรมต่างชาติ การออกเสียง การสอนแบบ Role play วิธีการสอบในศตวรรตที่ 21 การสอนภาษาอังกฤษในศตวรรตที่ 21 และบทบาทครูภาษาอังกฤษในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ความรู้ที่จะนำเกมส์ต่าง ๆมาใช้ในการเรียนการสอน ในการอบรมครั้งนี้ช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆของดิฉันหลายด้านไม่วาจะเป็นทักษะการฟัง การคิด การมีสมาะฺ และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับ ดิฉันคิดว่า การอบรมครั้งนี้สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการคิดของดิฉันได้อย่างดี รวมถึงคณะครูอาจารย์และผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่สามารถนำความรู้ไปสอยเด็ก ๆ ของท่านได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย การอบรมนี้เป็นกิจกรรมทีดี และมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เหมาะสมกับผู้ที่สนใจภาษาและครูอาจารย์ทุกท่านอีกด้วย

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 20 ตุลาคม

สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน



         ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมาก และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากิจกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญในการช่วยการจัดการศึกษาให้บรรลุอุดมการณ์ทาทงการศึกษาอีกด้วย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินชีวิต และเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิตไปแล้วในสมัยนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่นการติดต่อสื่อสาร การเดินทาง การค้าขาย ข่าวสารต่าง ๆ การพักผ่อนหย่อนใจ และทางด้านการศึกษาที่มีแหล่งเรียนรู้มากขึ้น และทำให้การศึกษามีประสิทธิภาพมากขึ้น นักเรียนสมัยใหม่ ก็ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแสวงหาความรู้ เพราะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สะดวกสบาย ง่าย และประหยัดเวลาอีกด้วย ดิฉันซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู็และการพักผ่อนจนกลายเป็นคนติดเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ โดยดิฉันจะใช้เวลาว่างจากการเรียนมาเล่นมือถือบ่อยมาก จนคิดหาวิธีการเรียนจากมือถือ จึงเริ่มใช้เวลาว่างมาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน
         ในวันที่ 21 ตุลาคม ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยที่เล่นเกมส์ทางคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จะเป็นเกมส์ที่มีคำศัพท์ง่าย ๆ จะมีรูปภาพและตัวอย่างประโยคขึ้นมาให้สะสมคำ พิมพ์คำศัพท์ลงไป ถ้าตอบถูกก็จะมีการแปลความหมายให้ ซึ่งเป็นเกมส์ฝึกสมอง สุดมัน จะมีความยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ซึ่งเป็นเกมส์ฝึกสมองที่ดี ช่วยในการสะสมคำ มีรูปภาพ มีความหมาย เนื้อหาชัดเเจน ง่ายต่อการเรียนรู้และฝึกฝน มีสีสันน่าสนใจ ซึ่งดิฉันได้เริ่มเล่นเกมส์นี้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว ในระดับเริ่มแรก level 1 จนถึงวันนี้ดิฉันได้เล่นต่อใน level 35 ต่อเนื่องจากที่เล่นมาแล้ว ทำให้รอบนี้คำศัพท์ยากขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้ดิฉันเล่นได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะคำศัพท์ส่วนใหญ่ยากและเป็นคำหลายพยางค์ ซึ่งดิฉฉํนเองก็ไม่แน่นเรื่องคำศัพท์อยู่แล้ว ทำให้เล่นไม่ได้ แต่ลองสะคมคำมั่ว ๆ ดู ทำให้เกิดคำศัพท์ขึ้นมา เกิดความรู้ศัพท์ใหม่ที่ไม่เคยรู็อีกแบบหนึ่ง จากการฝึกทักษะคำศัพท์จากการเล่นเกมส์นี้ทำให้ดิฉันได้ทบทวนคำศัพท์เก่า ๆ ได้ฝึกสะสมคำ ทบทวน และได้สะสมคำใหม่่ขึ้นมาจากที่ไม่เคยรู้มาก่อน ก็ทำให้เกิดศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากเล่นเกมส์ผ่อนคลายแล้วยังเกิดความรู้อีกด้วย
         หลังจากที่เล่นเกมส์แล้วดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง จากการฟังเพลง ซึ่งเพลงที่ฟังได้แก่เพลง stay with me - Sam Smith ทำนองเพลงนี้จะเป็นทำนองเพลงช้า ๆ มีอารมณ์เศร้า ฟังง่าย สำเนียงชัดเจน ในเนื้อเพลงจีมประโยคที่ว่า stay with me เป็นประโยคเด่น ต้องการให้คนรักอยู่กับเขา อารมณ์คิดถึงว่าทำไมตนเองต้องรู้สึกแบบนี้ ซึ่งใช้ประโยคที่ว่า  why am i so emotional ในเนื้อเพลงจะใช้ present tense ทั้งหมด เพราะพูดถึงอนาคตที่เป็นอยู๋ เช่นประโยคที่ว่า  I still need love, will you hold my hand , It clear to see เป็นต้น เมื่อดิฉันฟังเพลงนี้จบแล้ว ทำมห้รู้สึกคิดถึง อยากให้เขามาอยู่ด้วยกัน อารมณ์คล้อยตามไปกับเนื้อเพลง ซึ่งคิดว่าคนเหงา ๆ คงจะชอบฟังเพลงแนวอกหัก เศร้า ๆ แบบนี้ 
         เพลงที่สองที่ฟัง คือเพลง  I want you to know ของศิลปิน Zedd ft กับ Selena Gomez เป็นเพลงที่ดนตรีทำนองสนุกสนาน ฟังเเล้วรู้สึกครึกครื่น ดนตรีมันส์ เพลงสื่อออกมาในเชิงที่ต้องการบอกให้ใครคนหนึ่งรับรู็ว่านี่คือช่วงเวลาของเรา โดยใช้ประโยคที่ว่า I want you to know that it'sour time เป็นเพลงที่เหมาะกับคนที่มีความรัก แสดงออกถึงความรักและอยากให้รับรู้ จากการที่ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลงนั้นทำให้ดิฉันฟังเนื้อเพลงและจับคำพูดในเพลงจนสามารถตีความหมายของเนื้อเพลงได้ และเข้าใจเนื้อเพลงที่ต้องการสื่ออย่างเเท้จริง 
         วันที่ 22 ตุลาคม ดิฉันได้อ่านข่าวจาก http://www.bangkokpost.com/learning/really easy/749728/bangkok-happy-tuk-tuk โดยมีเนื้อข่าวเรื่อง Bangkok's happy tuk-tuk เนื้อข่าวกล่าวว่า Traffic police at the Samran Rat police station in Bangkok have their own special vehicle. It even has its own name: 'Jaa Tuk Samran'  That is because it really is a tuk-tuk that has been painted to look like a trafficsergeant.From morning until evening, Jaa Tuk can been seen patrolling the streets near the police station and even giving people free rides if they need them.Not surprisingly, Jaa Tuk has become very popular with tourists and passersby who want to have their photos taken with the police tuk-tuk. จากการอ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้ดิฉํนลองฝึกแปลเพื่อทำความเข้าใจ พบว่าสามารถแปลได้ แต่มีคำศัพท์บางคำที่ไม่รู้ความหมาย เช่นคำว่า sergeant เมื่อหาความหมายแล้วแปลว่า จ่า, นายสิบ surprisingly แปลว่า อย่างแปลกใจ, อย่างประหลาดใจ passersby แปลว่า ผู้คนผ่านไปมาตามถนน หลังจากที่หาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้แล้ว ก็ลองแปลดู ทำให้เข้าใจได้ว่า ในกรุงเทพฯ มีสถานีตำรวจสำราญราษฎร์ ได้จำทำรถตุ๊กตุ๊กขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า จ่าตุ๊กตุ๊ก ใช้รับส่งประชาชน รถมีลักษณะเหมือืนกับสีจราจร ให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จะอยู่บริเวณรอบ ๆ และใกล้สถานีตำรวจ หากใครต้องการขี่ฟรีก็ได้ ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของคนที่ผ่านไปผ่านมาและนักท่องเที่ยวในการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นอย่างมาก หลังจากที่อ่านสรุปใจความแล้ว หากผู้ใดต้องการฟังข่าวนี้ ก็จะมีไฟล์เสียงไว้ให้ฟังด้วยหากต้องการ ในการอ่านข่าวนี้ทำให้ดิฉันรู้เกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง เป็นคนที่ทันสถาการณ์ รู้คำศัพท์ต่าง ๆ ในข่าว และฝึกการแปลอีกด้วย
          ในวันที่ 23 ตุลาคม ดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฝึกษาอังกฤษทั้ง 4 skills จาก http://www.fast-english.com/?ContentID=ContentID-090131104717304 จากการศึกษาทำให้ทราบว่าการฝึก Speaking skill เวลาพูด ให้สร้างประโยคด้วย S+V+O และหากมี Conjunction ก็ต้องเตรียม 2 ประโยคทันที ต้องจำหลัก Grammar 25 กฎได้อย่างคล่องแคล่ว และจำ Structure ย่อย ได้อย่างอัตโนมัติ ต้องสร้างฐานศัพท์ให้มากเพียงพอที่จะแปลงความคิดจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้ ในใจต้องมีความอยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ พยายามหา supporting ideas มาสนับสนุน idea ของเรา เวลาพูดจริงๆ ให้มี Sensation หรือประสาทรับความรู้สึก พยายามยิ้มเวลาพูดจะทำให่เราไมม่กังวลระหว่างพูด ให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่พูดเพ้อเจ้อ และการพูดนี้ ควรได้รับการฝึกฝนบ่อย ๆ และเช็คดูว่า Grammar และStructure ถูกต้องแล้วหรือยัง
          วิธีฝึก Listening skill การฟังมี 2 แบบคือ ฟังแบบจับใจความ (Macro)และฟังการออกเสียงสำเนียง (Micro) ให้เริ่มจากการจับใจความก่อน เมื่อคล่องบวกกับเริ่มมั่นใจว่าฟังออกแล้ว ถึงเริ่ม focus on pronunciation ให้ฝึกออกเสียงตามคำที่ได้ยิน โดยฝึกฟังจากไฟล์เสียงต่าง ๆ เพลง หรือ หนังก็ได้ ต้องสร้างฐานศัพท์ก่อน มิฉะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาพูดอะไร และจับ Key Words ในการพูดให้ได้ เพื่อจะได้ปะติดปะต่อเรื่องและเข้าใจความรู้สึกของผู้พูด แต่วิธีที่ฝึกได้ด้วยตนเองก็คือการฟัง เพลงสากล ดูหนังฝรั่ง ฟังข่าวสารคดี หรือข่าว CNN โดยไม่อ่าน Subtitle ฟังวันละ 30 นาทีเพื่อสร้างความเคยชิน หรืออาจะมากกว่านั้นเเล้วแต่ความสะดวก  แต่การฟังที่ดีนั้น ผู้ฝันก็ควรจะออกเสียงตามไปด้วยเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มากขึ้น
          วิธีฝึก Reading Skill จะต้องประยุกต์ ศัพท์และ Grammar รวมทั้ง Structure เพื่อสร้างภาพ แสง สี เสียง และความรู้สึกตามผู้เขียนไปด้วย ถ้าศัพท์ไม่พอ ภาพไม่เกิด หรือมัวเหลือเกิน grammar ไม่แม่น ยิ่งอ่านยิ่งงง ไม่รู้อันไหนประโยคหลัก ประโยครอง เน้นหรือไม่เน้น ฉะนั้นต้อง build a solid foundation of grammar and vocabulary เวลาที่อ่านแต่ละประโยค และแต่ละบรรทัดเป็นการ Add ข้อมูลให้ภาพในใจของเราชัดเจนกับหนังที่ฉายต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเรามีมโนภาพเราจะจำเนื้อเรื่องได้เอง และจะรู้สึกว่าตรงไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ประเด็นหลักอยู่ตรงไหน และ เวลาเจอศัพท์ที่ไม่เคยเจอ ก็ให้เดาความหมายจากภาพ ถามต่อไปว่าเป็นความรู้สึกบวกหรือลบ ชื่นชมหรือวิจารณ์ ซึ่งปรับเรียกเท่ห์ๆว่าVocabulary in context ไม่มีอะไรมากนักหรอก
       การฝึก Writing Skill ประเด็นหลักหนึ่งประเด็นคืออะไรและมีเหตุผลอะไรชัดๆ 2-3 ประเด็นในการ support ประเด็นหลักการเขียน ต้องพยายามจูงให้คนอ่านเห็นคล้อยตามเรา ก่อนลงมือเขียนให้ Outline ด้วย key words หลักๆ เพื่อใช้เป็น supporting ideas ให้เป็นแนวทางในการเขียน ใช้แนวทางการแปลจากไทยเป็นภาษาอังกฤษที่อาจารย์สอนไทยชัด อังกฤษก็ชัด ทุกประโยคความคิดภาษาไทยฟังแล้วต้องเข้าใจทันที ห้ามกำกวมเพื่อโอกาสที่ภาษาอังกฤษจะออกมาชัดตามไปด้วย เวลาเขียนศัพท์และ grammar รวมทั้ง structure ต้อง flow มา automatically ต้องไม่คิดอีกแล้ว แค่ focus on idea presentation ล้วนๆ การเขียน paragraph แรกเป็น opening paragraph เป็นการเปิดประเด็น ส่วนอีกสัก 3 paragraphs ต่อมาจะลงในเรื่องรายละเอียดที่ support thesis statement ปิดท้ายด้วย conclusion ซึ่งไม่ควรเป็นการ repeat idea ใน opening paragraph แต่เป็นการสรุปโดยใช้ key words represent idea หลักๆ ของแต่ละ paragraph และอาจจะ insert อีกสักประโยคเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของ argument เรา การเขียนให้ระวังเรื่อง tense เป็นสำคัญ รูปประโยคให้ keep simple and clear เข้าไว้  จากการศึกษาทักษะต่าง ๆ เหล่านี้ดิฉันสามารถนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติเป็นแนวทางในการใช้ภาษาต่อไป
          ในวันที่ 24 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง http://www.listenaminute.com/ เรื่อง  Cars โดยอ่านบทความที่ให้มา 1 รอบแบบผ่า่น ๆ คร่าว ๆ หลังจากนั้นได้ฟังบทความเป็นจำนวน 1 รอบ แล้วทำแบบฝึกทดสอบการฟัง โดยการเติมคำในช่องว่าง ทำให้ดิฉันเติมได้เพียง บางคำ จึงกลับไปอ่านและฟังใหม่อีกครั้ง จึงกลับมาทำแบบฝึก ทำให้ทำแบบฝึกได้ 5 คะแนน  จากครังก่อนที่ไได้เพียง 3 คะแนน จาก ๅ0 คะแนน  เพราะบทความนี้ฟังยาก สำเนียงการพูดเร็วและมีการเชื่อมคำ ที่ฟังยาก ทำให้จับใจความไม่ได้  แต่หลังจากที่อ่านและฟังแล้ว ก้สามารถทำแบบทดสอบได้
          อีกเรื่องที่ฟังได้แก่เรื่อง Accidents เรื่องนี้เป็นคำศัพท์ง่าย สำเนียงการพูดฟังง่าย พูดไม่เร็วมาก และมีการออกเสียงที่ link คำ ได้ชัดเจน ง่ายต่อการฟัง หลังจากที่ฟัง 2 ครั้งแล้วทำให้ดิฉันไปทำแบบฝึกหัด ผลปรากฏว่า  สามารถทำแบบฝึกหัดได้ 10 คะแนนเต็ม  ซึ่งดิฉันคิดว่า เหตุผลที่ทำให้ทำแบบทดสอบได้นั้นคงเป็นเพราะคำศัพท์ง่าย และฟังเข้าใจบทความนั้น เมื่อทำแบบทดสอบจึงทำได้ถูกต้อง  ดังนั้นจึงทำให้ดิฉันรู้ว่าคำศัพท์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าใจภาษา จะรู็ทักษะอื่น ๆ แต่ไม่รู้คำศัพท์ก็ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง
           ในวันที่ 25 ตุลาคม ดิฉันฝึกทักษะจากการฟังจาก http://www.wegointer.com/2014/11/2000-stories/ เป็นเว็บไชต์ที่มีไฟล์เสียงเกือบ 2000 เรื่องให้เลือกฟัง เรื่องที่ดิฉันเลือกฟังคือ ชุดที่ 8 Short Stories for Low Intermediate English Learners มีจำนวนเรื่องทั้งหมด 265 เรื่องย่อย ดิฉันได้เลือกฟัง เรื่อง New to America เป็นไฟล๋เสียงที่ฟังง่าย  พูดช้า เข้าใจง่าย พูดถึง แนนซี่ ผู้ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในอเมริกาและพูดภาษาบ้านเกิดของตนได้เท่านั้นเพราะยังเป็นเด็ก และเกิดเรื่องราววุ่น ๆ ที่อเมริกามากมาย หลังจากที่ฟังเสร็จแล้ว ดิฉํนไปอ่านเนื้อเรื่องและฝึกแปลทั้งบทความนี้อีกด้วย ทำให้เข้าใจมากยิ่งจึ้นและเกิดทักษะได้มากขึ้นเช่นกัน
          หลังจากที่ฝึกทักษะการฟังแล้ว ดิฉันเลือกที่จะศึกษาเรื่อง sports and games เพื่อหาข้อมูลมาใช้ในการเขียนแผนการสอน ในรายวิชาภาษาศาสตร์สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการสอบสอน ดังนั้นดิฉันจึงหาข้อมูลเพื่อเลือกสื่อการสอนรูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับ  sports and games  ทำให้ดิฉันเจอวิดีโอเกี่ยวกับเพลงใน YouTube. เป็นเพลงสำหรับเด็ก ๆ ฟังง่าย สนุกสนาน มีภาพประกอบ สีสันสดใส เข้าใจง่าย น่าสนใจป็นอย่างมาก ทำให้ดิฉํนฟังจนจบเพลง และตัดสินใจใช้เพลงเป็ฯวื่อสารสอนและฝึกร้องเพลง sports and games ซึ่งดิฉันได้ฝึกร้องประมาณ 3-4 ครั้งทำให้ดิฉันร้องได้อย่างถูกต้องตามทำนอง แต่เเสียงไม่ไพเราะ จึงได้ฝึกร้องเรื่อยๆ จนสำเนียงดีขึ้นมาในที่สุด
          ในวันที่ 26 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการเรขียนจากการเขียน paragraph ในหัวข้อ computer and smartphone เขียนเป็น compare&contrast paragraph ก่อนที่จะลงมือเขียนได้มีการวาง outline นำคำเชื่อมต่าง ๆ มาใช้ ทำให้แต่งประโยคได้ประมาณ 10 ประโยค  และเมื่อเขียนเสร็จ นำมาตรวจ grammar พบว่า ส่วนมากแล้วจะเขียนผิด tense เป็นส่วนมาก  จึงลองเปลี่ยน tense และเขียนใหม่ ทำให้ดูสละสลวยกว่าเดิม  และหลังจากนั้นไดเลองเขียนเป็น descriptive paragraph   อธิบายสุนัขที่บ้านว่ามีลักษณะอย่างไร เขียนได้ 12 ประโยคเมื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด พบว่าจะเป็น run on , fragment และ tense เป็นส่วนใหญ่  ซึ่งจากการลองเขียนในครั้ง ทำให้ดิฉันทราบถึงจุดอ่อนของตัวเองว่ายังอ่อนเรื่อง grammar จึงควรฝึกฝนและเรียนรู้ให้มากกว่านี้ เพื่อที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
          จากการศึกษาเพิ่มเติมจากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จากการใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ในการศึกษา ใช้ค้นคว้าหาความรู้ให้เกิดความรู้ที่มีประโยชน์ต่อตนเองนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีและรู้จักคิดอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้  เอาเวลาจากการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ไม่เหมาะสม มาเรียนรู้ ซึ่งตัวดิฉํนเองได้นำเวลาว่างส่วนนั้นมาใช้ในการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ทำให้เกิดความรู้มากมาย ได้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ทั้งการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน จนรวมถึงคำศัพท์ต่าง ๆ ทั้งเก่าและใหม่อีกด้วย  การใช้เทคโนโลยนี่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะเลือกใช้ไปในทางไหน ใช้ได้อย่างคุ้มค่าและมีประโยชน์แค่ไหน ตัวผู้ใช้เท่านั้นคือคนกำหนด

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 13 ตุลาคม

สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน

          หลายคนพอมีเวลาว่างไม่รู้ว่าจะทำอะไร ทั้ง ๆ ที่ เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าเราทำงานอดิเรกที่เราชอบวันละ 20 นาที เราจะเะชี่ยวชาญในสิ่งนั้น ๆ ได้ เหตุใดคนวัยกลางคนและคนวัยทองทำอะไรแปลก ๆ คนโสดที่ขาดคู่ปรึกษาที่จริงใจ บางครั้งเครยีดหรืออาจมาจากความบกพร่องหรือความไม่รู็ด้านจิตวิทยาชอบใช้เวลาว่างไปทำสิ่งที่ไม่ดีงามไม่เหมาะสมโดยที่ไม่รู็จักใช้เวลาว่างเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์หรืออาจจะตีความหมายของคำว่าเวลาว่างผิดไป ซึ่งเวลาว่างหรือเวลาอิสระ หมายถึง เวลาที่ใช้นอกเหนืองานประจำ งานธุรกิจและงานบ้าน เป็นเวลาก่อนหรือหลังกิจกรรมที่จำเป็น เช่น การรับประทานอาหาร การนอน และกิจกรรมที่ต้องทำ เช่น การศึกษ ปกติแล้วเราควรมีเวลามากขึ้น มีการถกเถียงเกี่ยวกับเวลาว่าง เราควรมีเวลาว่างวันละ 45 นาที เหตุที่เรารู้สึกว่าเราควรมีเวลาว่างขึ้น อาจเป็นเพราะเราเสียเวลาครึ่งหนึ่งของเวลาว่างไปทำกิจกรรมที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ เช่น ดูทีวี ดูหนัง ดูรายการโชว์ต่าง ๆ และบางครั้งหากคุณใช้เวลาว่างในการดูหนัง อาจจะเสียเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ดังนั้นหากคุณต้องการมีเวลาว่างขึ้นก็หยุดทำกิจกรรมเหล่านี้เสียแล้วนำเวลาว่างนั้นมาใช้ทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์ดีกว่า ตัวดิฉันเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก วันจันทร์ถึงวันศุกร์เรียน พอตกเย็นวันศุกร์กลับบ้านมา เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องตื่นไปช่วยพ่อแม่ทำงาน เช้าสวน ทำงานบ้านต่าง ๆ นาๆ แต่เนื่องด้วยการเรียนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เราจึงต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู็เสมอ ดังนั้นหลังจากที่ทำงานแล้ว ดิฉันได้ใช้เวลาว่างมาศึกษาเพิ่มเพติมเกี่ยวกับภาษา พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ให้เก่งขึ้น แต่ดิฉันก็ไม่ใช่คนรักการอ่านมากมายอะไร จะให้หมกหมุ่นอยู่กับการเรียน ต้องเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาก็คงไม่ใช่ ดิฉันจึงเลือกใช้เวลาว่างมาเรียนรู้ เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น เป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่ได้ความรู้ด้วย
          ดิฉันเลือกที่จะพัฒนาทักษะทางภาษาของตนเองโดยการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ปกติทั่วไป ในระหว่างวันที่ 13-19 ตุลาคม ดิฉันได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง นอน คุยโทรศัพท์ ดูทีวี เล่นอินเตอร์เน็ต ทั่วไป ไม่มีการเรียนพิเศษหรืออย่างใดเลย แต่สอดแทรก รู้วิธีการเรียนและสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษโดยวันที่ 13 ตุลาคม ดิฉันได้ทำการบ้านรายวิชา การเขียน (paragraph writing) ได้ฝึกเขียน definition paragraph โดยทำ outline และเขียน   paragraph ในหัวข้อ Love ดิฉันได้ให้ความหมายที่หาจากอินเตอร์เน็ตและให้ความหมายจากความเข้าใจของตัวเองด้วย หลังจากที่เขียนนิยามของ Love เสร็จแล้ว ดิฉันได้ศึกษาวิธีการเขียน process paragraph เพื่อที่จะเป็นความรู้ก่อนเรียนในคาบ เมื่อเสร็จจากวิชาการเขียนแล้ว ดิฉันได้ทำการบ้านวิชาการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ได้ทำ Adobe Captivate 8 สื่อการสอนภาษาอังกฤษ เรื่อง Abstract Noun ดิฉันได้ศึกษาข้อมูล ความหมาย ชนิดและประเภท วิธีการใช้ การเปลี่ยนรูปจาก Verb ให้เป็น abstract ซึ่งการเปลี่ยนรูปมีทั้งหมดกี่แบบ อะไรบ้าง อย่างไรนั้น ดิฉันได้บันทึกข้อมูลและทำสื่อการสอนไปแล้ว หลังจากที่ศึกษาข้อมูลเรื่อง Abstract Noun เสร็จแล้วนั้น  ดิฉันได้เล่น Facebook แล้วได่เข้าไปในเพจ เก่งอังกฤษจากสำนวนภาษาอังกฤษ  ในเพจนี้มีสำนวนมากให้ศึกษา เช่น Grin and bear it ยิ้มสู้โชคชะตา Easy is pie ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก One bad apple ปลาเน่าตัวเดียว ทำเหม็นทั้งข้อง Castle is Spain วาดวิมานในฝัน  Blue moonshine เรื่องเหลวไหล เรื่องพิเศษ a cat and a dog life ขมิ้นกับปูน เป็นต้น จากการศึกษาสำนวนภาษาอังกฤษนี้ ทำให้ดิฉันสามารถนำสำนวนไปพูดได้อย่างถูกต้อง 
          ในวันที่ 14 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษจากการเล่น Facebook โดยเข้าไปในเพจ ฝึกอังกฤษให้แข็งแรง เป็นเพจสอนภาษาอังกฤษใน Facebook  จะมีเรื่องราวต่าง ๆ มีเนื้อหาทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เรื่องที่ดิฉันได้อ่านคือ Shoe Style คือ แบบรองเท้า จะมีลักษณะต่าง ๆ ของรองเท้า เช่น Flat = แบน flat heel ส้นเตี้ย flats รองเท้าส้นเตี้ย heel แปลตรง ๆ คือ ส่วนที่เป็นส้นของรองเท้า  high hell ส้นสูง heels รองเท้าส้นสูง  platform  ส้นตึก platform shoe รองเท้าส้นตึกพื้นราบทั้งส้น platform heels รองเท้าส้นสูงทรงตึก wedge ทรงเตารีด wedges รองเ้าทรงเตารีด wedge heel รองเท้าทรงเตารีด slingback แบบรัดส้ม  slingback flats รองเท้าส้นเตี้ยรัดส้น slingback heels รองเท้าส้นสูงรัดส้น จากการศึกษาทำให้ทราบลักษณะต่าง ๆ ของรองเท้าและรู้ว่าภาษาอังกฤษเขียนอย่างไร หลังจากนั้นดิฉันได้อ่านบทความจากเพจเรื่อง Hair style หรือ ทรงผม นั้นเอง จะมีภาษาอังกฤษบอกแบบผมต่าง ๆ เช่น 
ผมบ๊อบ       bob                      ผมหน้าม้า     bangs                              หน้าม้าสั้น       short bangs 
หน้าม้ายาว  long bangs          ผมหางม้า      ponytail                          ผมเปีย            braid (s)           
แสกกลาง    middle part         แสกขวา       right part                         แสกซ้าย        left part
ผมผูกแกละ    pigtails            เป็นต้น  และมีประโยค Most people part their hair on the left หมายถึง คนส่วนมากแสกผมด้านซ้าย Should i part my hair in the middle แปลว่า ฉันควรทำผมแสกกลางมัํย จากการศึกษาสามารถนำคำบอกลักษณะไปตอบและพูดคุยได้เมื่อพูดเกี่ยวกับทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าใกล้ตัวเรามาก 
         ในวันที่ 15 ตุลาคม ดิฉันได้เรียนวิชาการสร้างแบบทดสอบและการประเมินผลทางภาษาของอาจารย์ทิพวรรณ ทองขุนดำ และได้รับมอบหมายให้สร้างแบบทดสอบเรื่อง some ,any ,a few ,a little of , much , many , uncountable noun , countable noun, plural และ  verb to be  ซึ่งดิฉันได้หาข้อมูลเรื่อวเหล่านี้เพื่อทำข้อสอบได้ถูกต้องและสามารถออกข้อสอบได้ จากการศึกษาทำให้รู้ว่า some และ  any ใช้เพื่อกล่าวถึงจำนวนที่ไม่จำเพราะเจาะจง (indefinite quantity) โดยปกตแล้วมักใช้ Some ในประโยคบอกเล่า และใช้ any ในประโยคปฎิเสธและคำถาม ตัวอย่างเช่น 
                      ประโยคบอกเล่า : There are some birds in the tree.
                      ประโยคปฏิเสธ : There aren't any birds in the tree.
                      ประโยคคำถาม : Are there any birds in the tree.
แต่บ่อยครั้งที่เราสามารถใช้คำว่า some ในประโยคคำถามที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ นั่นคือในการขอร้อง การเสนอให้ ทั้ง some และ any ใช้วางหน้าคำนามนับไม่ได้และหน้านามนับได้พหูพจน์ หรืออาจจะใช้โดยไม่มีคำนำหน้าตามหลังก็ได้ แต่ต้องพูดถึงคำนามนั้นมาก่อนหน้าแล้ว 
คำที่ดิฉันได้รับมอบหมายให้ออกข้อสอบนั้นเป็นคำบอกปริมาณ Quantity words คือคำหรือกลุ่มคำที่แสดงความมากน้อยของนาม ใช้ใส่หน้าคำนาม เช่น some - any = มีบ้าง -  few - a few พอมีอยู่บ้าง little - a little = มีน้อย much - many - a lot of = มาก a lot of some - any some ใช้นำหน้าคำนามที่นับไม่ได้ (uncountable noun) และคำนามพหูพจน์ โดยเฉพาะประโยคบอกเล่า  
-  Any ใช้นำหน้าคำนามที่นับไม่ได้ (uncountable noun) และคำนามพหูพจน์ แต่ใช้ในประโยคคำถามและปฏิเสธ 
-  Little - a little แปลว่าน้อย เช่นเดียวกับ few - a few แต่ทั้งสองคำนี้ใช้กับคำนามที่นับไม่ได้ 
-  Little แปลว่า น้อยมาก แทบไม่มีเลย เป็นความหมายในเชิงปฎิเสธ
-  a little มีความหมายว่า มีนิดหน่อย แต่ก็พอเพียง
-  much - many คำว่า much ใช้ประกอบ uncountable noun ส่วน many ใช้กับคำนามนับได้ countable noun คำพหูพจน์ เช่น many men , many houses , many doctors เป็นต้น
-  Lots of - a lot of แปลว่า มีมาก ใช้ประกอบคำนามที่นับไม่ได้และคำพหูพจน์ มักใช้ในประโยคบอกเล่า 
-  Few - a few แปลว่า น้อย ใช้ประกอบคำนามนับได้พหูพจน์ few มีความหมายว่า น้อยมาก แทบไม่มีเลย เป็นความหมายเชิงปฏิเสธ ส่วน a few แปลว่าน้อย แต่หมายถึง จะมีน้อยแต่ก็เพียงพอ
จากการศึกษาทำให้ดิฉันเกิดความเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในการออกสอบได้ตามความเข้าใจ
           ในวันที่ 16 ตุลาคม ดิฉันได้กลับบ้านมา แน่นอนว่า เมื่อกลับบ้านนั้น ก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น ดิฉันจึงเลือกที่จะสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวภายในบ้าน เป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากการเปิดเพลงภาษาอังกฤษ เปิดทิ้งไว้ตลอดระหว่างที่ทำงาน โดยเพลงที่เปิดนั้นมีเพียง 20 - 30 เพลง เท่านั้น และตั้งค่าให้เล่นเพลงซ้ำ ทำให้ดิฉันได่ฟังเพลงเหล่านั้นตลอดเวลาที่ทำงาน ดิฉันเชื่อว่า สมองคนเราสามารถเรียนรู้ได้แม้กระทั่งเวลาที่เราไม่สนใจ เรื่องบางอย่างต้องใช้วิธีซึมจะช่วยได้มาก เช่น เรื่องสำเนียง เราจะคุ้นกับสำเนียงการออกเสียงจากชาวต่างชาติในเพลง เมื่อเราร้องตามก็สามารถทำให้เราร้องตามสำเนียงนั้นได้อย่างไพเราะ ช่วยฝึกทักษะการฟัง เราจะได้ยินเพลงตลอดเวลา และก่อนที่จะร้องได้ก็ต้องฟังเเละเข้าใจเนื้อเพลงนั้นอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้น ดิฉันได้สร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษโดยการใล้ post it notes ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทสนทนา และหน้าบ้านกับห้องนั่งเล่นติดเป็นคำศัพท์และยทสนทนาควบคู่กันรอบ ๆ บ้าน เมื่อดิฉันเดินผ่านหรือไปหยิบใช้สิ่งของเหล่านั้นก็ได้อ่าน post it notes ที่แปะเอาไว้โดยไม่เสียงานและเกิดการเรียนรู้อีกด้วย
หลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จแล้ว ดิฉันได้ตั้งค่าโทรศัพท์มือถือเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย เพื่อเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษ และในตอนค่ำ ดิฉันได้ฝึกทักษาะการแปลโดยการแปลหนังสือภาษาอังกฤษ เรื่อง Huckleberry Finn ซึ่งเป็นงานแปลในรายวิชาการแปล ก่อนการแปลนั้นดิฉันได้หาคำศัพท์ยากพร้อมทั้งหาความหมาย เพื่อนำมาแปลอย่างรวดเร็ว หากรู้ความหมายของศัพท์หมดแล้ว จะแปลง่ายและเร็วขึ้น คำศัพท์ที่ยังไม่รู้และได้หาความหมายนั้นได้แก่คำว่า comfortable แปลว่า เพียงพอ มั่งคั่ง สะดวกสบาย , jude แปลว่า ผู้ตัดสิน ผู้พิพากษา คาดคะเน , pleased แปลว่า พอใจ , decided แปลว่า เห็นชัด ตัดสินใจ ,escape แปลว่า หนี , canoe แปลว่า เรื่อแคนู ,immediately แปลว่า โดยทันทีทันใด , lucky แปลว่า โชคดี ,carried แปลว่า ที่ขนส่งไป , คำว่า axe แปลว่า ขวาน และคำอื่น ๆ ที่ไม่รู้ความหมาย หลังจากหาคำศัพท์แล้วดิฉันได้เริ่มแปลอย่างจิงจรัง ทำให้เข้าใจเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งเป็นตอน ๆ น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ดมื่อแปลทำให้รู้สึกว่าเนื้อหาก็สนุก น่าสนใจดี คำศัพท์ในเรื่องก็มีศัพท์ยากเพียวเล็กน้อย ไม่ยากเกินไป เนื้อเรื่องเป็นการผจญภัยของฮัคเคิลเบอรี่ ฟินน์ โดยเรื่องที่อ่าน ตอนที่ สอง huck escapes and finds a friend เนื้องเรื่องเป็นการหนีและการพบเพื่อนใหม่ เรื่องรางน่าตื่นเต้นและสนัก ทำให้ดิฉันอ่านแล้วรู้สึกได้ถึงการผจญภัยนั้น 
          ในวันที่ 17 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยการฟังไฟล์เสียงจากเว็บไซต์ soundcloud.com ได้แก่ :http://soundcloud.com/seach?q=+7 เรื่อง Fast furious 7 เป็นเพลงประกอบภาพยนต์และไฟล์เสียงต่าง ๆ ในเนื้อเรื่อง มี playlist ให้เลือกว่าต้องการฟังไฟล์ไหน และจะมีไฟล์เพลงสากลมากมายหบานศิลปิน หลากหลายแนงเพลง มีมากกว่า 500 playlist และจะบอกแนวเพลงให้เรารู้ด้วยว่าเป็นเพลงแนวไหน ทำให้ง่ายและตรงต่อความต้องการ หลังจากนั้นได้ฟังจากเว็บไซต์ www.rong-chang.com/easykids/ เรื่อง birthday cake and candles จากการฟังในครั้งนี้ ำให้ดิฉันจับใจความได้ว่า It is her birthday she is six year old. She looks at the birthday cake. It has white icing.There are six candles kn tops. Hem mom and dad sing happy birthday.Her dad light the candles. She makes a wish. She blows out the candles. She claps her hands. Her mom and dad crap their hands. เหตุที่ดิฉันฟังรู้เรื่องและจับใจความได้นั้นเป็นเพราะบทความนี้ง่ายและพูดช้า ง่ายต่อการเข้าใจ คำศัพท์ในเนื้อความก็เป็นศัพท์ง่าย ทำให้ดิฉันเข้าใจบทความนี้ได้อย่างง่ายและชัดเจน

          ดิฉันได้ฝึกการอ่านและพัฒนาคำศัพท์จากการอ่านหนังสือ เรื่อง จำศัพท์เจ๋ง เก่งอย่างเทพด้วย mind mapping มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จีน ไทย มากกว่า 2000 คำ จาก 7 หมวด ดิฉันได้อ่านคำศัพท์เรื่อง food เกี่ยวกับผลไม้ บรรเทาอาการเจ็บคอ relieve one's sore throat มีผลไม้จำพวก star fruit มะเฟือง pear ลูกแพร์ fig haw บ๊วยจีน ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน sweet and sour ได้แก่ grape องุ่น litchi lychee ลิ้นจี่ longan ลำไย mangoes teen มังคุด passion fruit เสาวรส persimmon ลูกพลับ peach ลูกพีช plum ลูกพลัม apricot แอพริคอต date อินทผลัม ผลไม้ที่ต้องปลอกเปลือก peel แปลว่า เปลือก rind แปลว่า เปลือกผลไม้ sugarcane อ้อย durain ทุเรียน jack fruit ขนุน มีเมล็ด seed ได้แก่ cantaloupe แคนตาลูป papaya มะละกอ guava ฝรั่ง kiwi ผลกีวี pit เปลือกแข็งหุ้มเมล็ด avocado อะโวคาโด mango มะม่วง wax apple ชมพู่ และประเภทสุดท้ายที่ได้อ่านและฝึกท่องจำได้แก่ ผลไม้ประเภทเบอรี่ ได้แก่ cranberry แคลนเบอรี่ raspberry ราสเบอรี่ mulberry ลูกหม่อน strawberry สตอร์วเบอรี่ blueberry บลูเบอรี่ จากการฝึกทักษะในการอ่านคำศัพท์นี้ทำให้รู้คำศัพท์เกี่ยวกับผลไม้ต่าง ๆ มากกว่า 20 ชนิด เมื่อเห็นผลไม้เหล่านั้น ฉันก็สามารถพูดและบอกชื่อผลไม้นั้น ๆ เป็นภาษาอังกฤษได้ 

          หลังจากนั้น ดิฉันได้ฟังเพลงภาษาอังกฤษหลายเพลง สนใจฟังบ้าง ไม่สนใจบ้าง และเพลงที่ฉันสนใจฟังและพอเข้าใจเนื้อเพลงได้แก่เพลง I don't like to sleep alone ของศิลปิน Paul  Anka ดิฉันได้ฟังเพลงและลองแปลเนื้อเพลงตามความเข้าใจได้ว่า ชื่อเพลง แปลว่าฉันไม่ชอบนอนคนเดียว โดยใช้สำนวน like to แปลว่า ชอบ และมี don't แปลว่า ไม่ รวมกันเป็นไม่ชอบ จากในเนื้อเพลงมีบางประโยคที่ดิฉันจำได้เป็นประโยคที่เกี่ยวกับคนมีความรัก ได้แก่ประโยคที่ว่า  stay with me,don't go แปลว่า อยู๋กับฉันนะ อย่าไปไหน , Talk with me for just a while แปลว่า คุยกันหน่อยนะเดีย๋ยวเดียวก็ยังดี ,So much of you to get to know ยังมีอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับตนเองที่ฉันจะต้องรู้ , Reading out touching แปลว่า เอื้อมมือออกไปตะกายหา แล้วก็ได้สัมผัสตัวเธอ, leaving all the worries all behind แปลว่า ทิ้งความกังวลใจทั้งหลายทั้งปวงไว้ข้างหลังให้หมด,loving you , the way i do แปลว่า การที่ได้รักเธอตามแบบที่ฉันรักอยู่นั้น , my mouth on your and your on mine แปลว่า ริมฝีปาของเธออยู่บนริใฝีปากของฉันและริมฝีปากของฉันก็อยู่บนริมฝีปากของเธอ  marry me or let me live with you แปลว่า แต่งงานกับฉันเถอะ หรือไม่ก็ให้ฉันอยู๋ด้วยคนนะ nothing's wrong when love is right ไม่มีอะไรผิดหรอกเมื่อความรักมันถูก loneliness can get you down ความเปล่าเปลี่ยวทำให้คุณเศร้าได้นะ จากเพลงนี้มีประโยคมากมายที่เกี่ยวกับความรักและชีวิตมนุษย์ ทำให้เมื่อลองแปลแล้วได้ข้อคิดดีๆแฃะเตือนใจได้เยอะ

          หลังจากนั้นดิฉันได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง Phrase เพื่อใช้ในการแต่ง Paragraph จากการศึกษาทำให้ทราบว่า  Phrase (วลี)  คือกลุ่มคำที่ประกอบด้วยคำต่าง ๆ ที่นำมาเรียงกันอย่างมีความหมายและทำหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งในประโยค เช่น เป็นประธาน กริยา กรรม ส่วนเสริม ส่วนกริยาวิเศษณ์ วลีไม่ได้ประกอบด้วยทั้งภาคประธานและภาคแสดง วลีแบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
      1. นามวลี (noun phrase) จะมีคำนามเป็นหลัก เช่น women with long hair  
               โครงสร้างของ noun phrase 
คำหลักใน noun phrase คือ คำนามหรือคำสรรพนาม โดยอาจมีโครงสร้างใดโครงสร้างหนึ่งต่อไปนี้
· คำกำกับนามและคำนาม       เช่น these houses
· คำกำกับนาม ส่วนขยายหน้าคำนาม และคำนาม     เช่น these big houses
· คำนามและส่วนขยายหลังคำนาม     เช่น houses made of wood
· คำกำกับนาม คำนาม และส่วนขยายหลังคำนาม   เช่น some houses made of wood
· ส่วนขยายหน้าคำนาม คำนาม และส่วนขยายหลังคำนาม  เช่น big houses made of wood
· คำกำกับนาม ส่วนขยายหน้าคำนาม คำนาม และส่วนขยายหลังคำนาม  เช่น some big houses made of wood
ขอให้สังเกตว่า noun phrase มักมีคำกำกับนามและส่วนขยายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยส่วนขยายส่วนมากจะเป็นคำคุณศัพท์ ในการใช้คำคุณศัพท์และคำนามขยายคำนามหลัก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ลำดับตำแหน่งของคำขยายเหล่านั้นเมื่อนำมาวางไว้ข้างหน้าคำนามหลัก โดยทั่วไปคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำนามจะมีเพียงสองสามคำ แต่บางครั้งอาจมีส่วนขยายได้หลากหลาย โดยมีลำดับของคำคุณศัพท์และคำนามขยายหน้าคำนามหลักดังนี้

คำกำกับนาม
(determiner)
ความรู้สึก หรือความคิดเห็น
(feeling/opinion)
ขนาด หรือ รูปร่าง
size/shape
อายุ
(age)
สี
(color)
ต้นกำเนิด  หรือที่มา
(origin)
วัสดุ
(material)
คำนามหลัก
(head noun)
a
practical
small
old
-
German
-
knife
that
-
big
new
brown
-
plastic
bag
this
beautiful
long
-
black
Japanese
nylon
umbrella

อย่างไรก็ตาม การเรียงลำดับคำคุณศัพท์หน้าคำนามหลัก อาจผิดไปจากลำดับที่กล่าวไว้ในที่นี้ได้ โดยวางคำที่ต้องการเน้นไว้ใกล้คำนามหลักมากกว่า เช่น
a sick young boy (เด็กน้อยที่มีอาการเจ็บป่วย)
a young sick boy (เด็กคนป่วยที่ยังมีอายุน้อย)
  

         หน้าที่ของ noun phrase นามวลีทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำนาม เช่น

-  เป็นประธาน เช่น   All the passengers were safe.
-  เป็นกรรม เช่น  We really enjoyed the food at that restaurant.
- เป็นกรรมตรงและกรรมรอง เช่น  The manager gave all of us (กรรมรอง) a double raise. (กรรมตรง)
-  เป็นส่วนเสริมประธาน เช่น The clock was a Christmas present from the ABC Company.
-  เป็นส่วนเสริมกรรม เช่น  We considered Mr. Johnson the best employee.
-  เป็นกรรมของบุพบท เช่น  The box of chocolates is intended for your children.
-  เป็นส่วนขยายคำนามอื่น เช่น  John suffers from back problems. 
 - เป็นกริยาวิเศษณ์ เช่น  School starts next month.


     2. กริยาวลี (verb phrase)   ประกอบด้วย main verb (กริยาแท้) และ auxiliary verb (กริยาช่วย) ใน verb phrase หนึ่ง ๆ อาจมีกริยาช่วยมากกว่า 1 คำ ตัวอย่าง

· Jane will work on a night shift.
  (will work เป็น verb phrase ซึ่งมี work เป็นกริยาแท้ และ will เป็นกริยาช่วย) 
· Jane will be working on a night shift next week.
  (will be working เป็น verb phrase ซึ่งมี working เป็นกริยาแท้ ส่วน will และ be เป็นกริยาช่วย) 

verb phrase ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำกริยา คือ บอกให้ทราบว่าประธานของประโยคทำอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นกับประธานของประโยค

     3. คุณศัพท์วลี (adjective phrase)

                โครงสร้างของ adjective phrase   adjective phrase ประกอบด้วยคำคุณศัพท์กับส่วนขยายคำคุณศัพท์ ซึ่งมีทั้งประเภทที่อยู่หน้าคำคุณศัพท์ และประเภทที่อยู่หลังคำคุณศัพท์ โดยอาจมีโครงสร้างใดโครงสร้างหนึ่งต่อไปนี้
· ส่วนขยายที่อยู่หน้าคำคุณศัพท์และคำคุณศัพท์  เช่น very happy
· คำคุณศัพท์และส่วนขยายที่อยู่หลังคำคุณศัพท์  เช่น happy to see you
 ส่วนขยายที่อยู่หน้าคำคุณศัพท์ คุณศัพท์ และส่วนขยายที่อยู่หลังคำคุณศัพท์  เช่น very happy to see you

          หน้าที่ของ adjective phrase คุณศัพท์วลีทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำคุณศัพท์ เช่น

- ทำหน้าที่ขยายคำนาม เช่น   Highly sensitive people are hard to deal with.
-  ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมประธาน เช่น   The children are very happy to see their parents.
- ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมกรรม เช่น  The teachers made us aware of the importance of the entrance exams.
- ทำหน้าที่ขยายคำสรรพนาม โดยอยู่ข้างหลังคำสรรพนามที่ถูกขยาย เช่น  I want to eat something very spicy.

4. กริยาวิเศษณ์วลี (adverb phrase)

       โครงสร้างของ adverb phrase     adverb phrase ประกอบด้วยคำกริยาวิเศษณ์กับส่วนขยาย ซึ่งมีทั้งประเภทที่อยู่ข้างหน้าและประเภทที่อยู่ข้างหลังคำกริยาวิเศษณ์ โดยอาจมีโครงสร้างใดโครงสร้างหนึ่งต่อไปนี้

· ส่วนขยายที่อยู่หน้าคำกริยาวิเศษณ์ และคำกริยาวิเศษณ์    เช่น very quickly
· คำกริยาวิเศษณ์ ละส่วนขยายที่อยู่หลังคำกริยาวิเศษณ์   เช่น quickly indeed
· ส่วนขยายที่อยู่หน้าคำกริยาวิเศษณ์ คำกริยาวิเศษณ์ และส่วนขยายที่อยู่หลังคำกริยาวิเศษณ์  เช่น very quickly indeed

        หน้าที่ของ adverb phrase กริยาวิเศษณ์วลีทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำกริยาวิเศษณ์ ดังนี้

-   ทำหน้าที่ขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์อื่น เช่น 
             Henry walked extremely quickly.
            These umbrellas are very beautifully made.

-  ทำหน้าที่ขยายประโยค เช่น  Surprisingly indeed, everybody survived in the car accident.

5. บุพบทวลี (prepositional phrase)

          โครงสร้างของ prepositional phrase  ประกอบด้วยคำบุพบทและส่วนเสริม (complement) ซึ่งตำราบางเล่มจะเรียกว่า กรรมของบุพบท ส่วนเสริมมี 3 ประเภทคือ

· ส่วนเสริมที่เป็น noun phrase   เช่น through the back door
· ส่วนเสริมที่เป็น noun clause       เช่น from what I have heard
· ส่วนเสริมที่อยู่ในรูปกริยาเติม (v–ing)       เช่น after speaking to you

      หน้าที่ของ prepositional phrase บุพบทวลีทำหน้าที่ดังต่อไปนี้

-   ทำหน้าที่ขยายประธานของประโยค โดยอยู่ตามหลังกริยา BE หรือกริยาเชื่อม (linking verb) เช่น
Mr. Johnson is in the meeting room.

-  ทำหน้าที่ขยาย noun phrase โดยอยู่ในตำแหน่งหลัง noun phrase ที่ถูกขยาย เช่น  

   Jane took a course in advanced mathematics.    
   Kate bought a house with a beautiful garden.

-    ทำหน้าที่ขยายคำคุณศัพท์ โดยอยู่ในตำแหน่งหลังคำคุณศัพท์ที่ถูกขยาย เช่น
   They are aware of the danger of the AIDS virus.
   I am happy with what I have.

-  ทำหน้าที่ขยายประโยค เช่น
    In fact, the economy is improving.  
    In my opinion, people are basically good.

หลังจากที่ดิฉันศึกษาเรื่อง Phrase และประเภทต่าง ๆ ของ Phrase ทำให้ดิฉันเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น จากที่เมื่อก่อนรู้แต่เข้าใจไม่ชัดเจน ตอนนี้คิดว่ารู็และเกิดความเข้าใจพอสมควรสามารถนำความรู้จากการศึกษาไปใช้ต่อยอดความรู้ในงานเขียนและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง  Phrase หรือประโยคต่าง ๆ ได้ถูกต้อง

          ในวันที่ 18 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังโดยฟังจากเว็บไซต์ฝึกทักษะการฟัง http://www.listenaminute.com/ในเว็บไซต์นี้จะมีบทเรียนเรียงตามพยัญชนั A-Z มีจำนวนโดยรวมแล้วประมาณเกือบ 500 บทเรียน ดิฉันได้เลือกฟังเรื่อง Chocolate เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับช็อคโกแลต สำเนียงการพูดช้า ง่ายต่อการฟัง และคำศัพท์พื้นฐานส่วนใหญ่ จากการฟังทำให้ดิฉันเข้าใจบทเรียนและนำมาทำแบบฝึกหัดทบทวนได้ โดยฟังเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ทำแบบฝึกจาก 20 ข้อ ดิฉันทำภูก 16 ข้อเรื่องที่สองที่ฟัง คือ I love you เป็ยบทเรียนที่พูดค่อนข้างเร็ว และสำเนียงการพูดฟังยาก ทำให้ดิฉันต้องมาอ่าน Transcript ด้านล่างอีกทีว่าบทเรียนนี้พูดถึงอะไรบ้าง แต่เมื่ออ่านเสร็จแล้วกลับไปฟังอีก 2 รอบ ทำให้เกิดความเข้าใจมากกว่าฟังครั้งแรก และเมื่อฟังจบ ดิฉันได้ลองทำแบบฝึกหัดผลปรากฏว่า ทำได้เพียง 9 ข้อ ทำให้รู้ว่าหากสำเนียงการพูดเร็วเกินไป จะทำให้เราจำไม่ได้และเกิดความไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟังแม้จะได้อ่านแล้วก็ตาม
          หลังจากนั้นดิฉันได้เล่นเกมส์คำศัพท์ภาษาอังกฤษจากเว็บไซต์ http;//www.kengpasa.com/games/games.asp. มีเกมส์ 20 รูปแบบให้เลือกเล่น ดิฉันเลือกเล่นเกมส์จำนวน 4 เกมส์  คือ เกมส์ที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง past tense ให้เลือกคำทางซ้านมือที่เป็น verb ช่อง 2  ของกริยาทางขวามือแล้วลากมาต่อกัน ชุดคำถามมีจำนวน 10 ข้อ ดิฉันทำได้คะแนนเต็ม 10 คะแนน เกมส์ที่สองที่ดิฉันเล่นคือ Homophone เลือกคำตอบจากซ้ายมือที่ออกเสียงเหมือนกันกับทางขวามือมาต่อกัน เมื่อครบแล้วคะแนนออกมา ซึ่งทำให้ดิฉันได้คะแนนเต็ฒอีกครั้ง เกมส์ที่สาม ได้เลือกเล่นได้แก่เกมส์ Opposite ให้เลือกคำทางซ้ายมือที่มีความหมายตรงข้ามกับทางขวามือมาต่อกัน ดิฉันทำได้ 10 คะแนนเหมือนกัน จากการเล่นเกมส์ในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ทบทวนคำศัพท์แต่ไม่สามรถเพิ่มคำศัพท์ได้ เนื่องจากในเกมส์เป็นคำศํพท์พื้นฐานง่าย ๆ ที่ดิฉันรู้อยู่แล้ว จึงทำให้สามารถเล่นเกมส์ได้อบ่างไม่ติดขัด ดังนั้นดิฉันควรเล่นเกมส์ที่มีคำศัพท์ยากกว่านี้ เพื่อที่จะสามารถทบทวนคำศัพท์เก่า ๆ และเกิดการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นดิฉันจึงเปลี่ยนจากการเล่นเกมส์ไปฝึกทักษะอื่น
          ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนและทบทวนคำศัพท์จาก http;//www.kengpasa.com/excercise/write/wrire05.asp เป็นแบบฝึกหัดเขียนคำให้ถูกต้อง โดยดูความหมายของคำจากด้ายซ้ายมือแล้วเขียนภาษาอังกฤษในช่องว่างให้ถูกต้อง มีจำนวน 10 ข้อ โดยมีคำว่า ประเภท ของบ่าย ห้องแสดงผลงาน ที่นั่งเล่นชั้นบน เฉลียว ตรง ตรงไป จุดแข็. กำลัง ความเข้มเเข็. ความอ่อนแอ ความไม่แข็งแรง โอกาส จังหวะ อุปสรรคการควบคุม สะดวก ขายส่ง ขนาาดใหญ่ และคำว่า สำรวจ สังเกต มองโดยรอบ โดยที่คำศัพท์ทุกคำจะทีคำอ่านภาษาอังกฤษไว้ให้เราผสมคำแล้วด้วยนั้น ทำให้สะดวกในการสะกดคำ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวดิฉันเป็นคนที่ไม่มีคลังคำศัพท์มีความรู้เรื่องคำศัพท์น้อยทำให่เข้าใจบทเรียนยาก แต่ก็พยายามลองสะสมคำศัพท์ดู ทำให้สะสมคำได้เพียง 5 คำเท่านั้น จึงรู้เลยว่าตนเองนั้นจำเป็นต้องรู้คำศัพท์มากกว่านี้ เพราะคำศัพท์คือสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งในภาษาอังกฤษ หากเราใช้คำผิด ความหมายก็จะเปลี่ยนไปทันที
          ดิฉันจึงเลือกฝึกคำศัพท์จาก http;//www.freerice/com#/english-vocabulary/1694 โดยในเว็บไซต์นี้จะมีเป็บแบบทดสอบคำศัพท์ จำนวน 60 ข้อ  ในข้อสอบจะให้คำศัพท์มาหนึ่งคำแล้วให้เลือกความหมายที่เป็นภาษาอังกฤษเช่นัน จำนวน 4 ตัวเลือก ซึ่งจาก 60 ข้อนั้นดิฉันทำได้เพียง 39 ข้อ ข้อไหนที่ทำผิดเราจะกลับมาทำใหม่ในตอนสุดท้ายและหากผิดอีกทางเว็บไซต์ก็จะโชว์คำตอบที่ถูกต้องมาให้และทำข้อต่อไปอีก เมื่อทำจบแล้วคำศัพท์ก็จะเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ ตาม level ของคำศัพท์ที่เราเล่นไป ซึ่งทั้งหมดนั้นมีจำนวน 60 level เราสามารถเลือกเล่นและทดสอบได้ตามระดับความรู้ทางคำศัพท์ของเราที่ถนัดเลยได้เลย หลังจากที่ทดสอบคำศัพท์ level 1 เสร็จแล้ว ดิฉะนได้เปลี่ยนมาทดสอบความรู้ด้าน ไวยากรณ์ ซึ่งจะมีทั้งหมด 50 level ให้เลือกตามความถนัดและความสามารถของผู้ทดสอบ ดิฉันลองทำแบบทดสอบเรื่อง Grammar จำนวน 10 ข้อ หรือ ๅ ชุด ผลปรากฏว่า ถูกต้องเพียง 4 ข้อเท่านั้น ทำให้รู้เลยว่านอกจากอ่อเรื่องคำศัพท์แล้วในส่วนของไวยากรณ์ ดิฉันก็ยังอ่อน ยังมีความรู้ไม่แน่นมากพอที่จะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นดิฉันจำเป็นต้องฝึกสะสมคำศัพท์และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวยากรณ์ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
          ในวันที่ 19 ตุลาคม ดิฉันได้ดูหนังเรื่อง Home alone 2 ในรายวิชาภูมิหลังทางสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ของอาจารย์ Charles M Fisher ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เกี่ยววันคริสต์มาส ซึ่งดิฉันกำลังเรียนเรื่องนี้อยู่พอดี โดยอาจารย์ให้ดูหนัง แล้วให้ดูว่าในวันคริสต์มาสนั้นเขาจะทำอะไรกันบา้ง วัฒนธรรมประเพณีของเขาเป็นอย่างไร ซึ่งในหนังเรื่องนี้ ก็มีครบทุกอย่าง แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมของชาวต่างชาติจริง ๆ จากที่ดูมาแล้้วสามารถสรุปตามความเข้าใจได้ว่า ในเมือง นิวยอร์ค จะมีครอบครัวของ Kavin เลี้ยงฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง Kavinได้ผลัก Buzz แล้วทำให้เกดความวุ่นวายในงาน แม่ของ Kavin จึงพา Kavin ไปขังไว้ในห้อง พอเช้ามาทุกคนตื่นสาวยและรีบไปสนามบินจนลืม Kavin ไว้ที่บ้านคนเดียว ในระหว่างที่ครอบครัวของเขาไปต่างประเทศ มียามที่เป็นโจรพยายามมาขโมยของที่บ้านของ Kavin ทำให้เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับโจร ทำให้เกิดความสนุกสนานในหารชม  ที่เด็กตัวเล็ก ๆ อายุเพียง ค ขวบ สามารถทะอะไรที่ผู้ใหญ่ทำไม่ได้หลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งโจรนั้นถูกตำรวจจับตัวไป และปัญหาที่เขากลัวเพื่อนบ้านของเขาก็หมดสิ้นไปเพราะลุงคนนั้นต้องการแค่ให้ลูกของเขากลับมาหาแต่ไม่มีการติดต่อหากัน เลยทำให้เขาดูหน้ากลัวเพราะไม่ยิ้มเนื่องจากไม่มีความสุขในชีวิต แต่เมื่อเขาได้คุยกับ Kavin เขาก้ติดต่อกับลูกของเขา จนในวันคริสต์มาส  ลูกของเขาก็กลับมาหา ในขณะที่ปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย ครอบครัวของ Kavin ก็ได้เดินทางกลับมาเหมือนกัน ทำให้ครอบครัวของเขาได้เลี้ยงฉลองเทศการคริสต์มาสด้วยกันอย่างมีความสุข จากการดูหนังเรื่องนี้ ทำให้ดิฉันทราบถึงความสำคัญของวันคริสต์มาสและในวันนั้นจะมีการแต่งตัว แต่งสถานที่ อาหารอย่างไร คือ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมในวันศริสต์มาส นอกจากนั้น ทำให้ฉันเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินในการชม มีความสุขมาก อีกทั้งยังได้ข้อคิดดี ๆ อีกด้วย
          จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ฝึกทักษะทางภาษาโดยการเรียนรู้และฝึกฝนตามความถนัดและตามความสนใจนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลทันทีทันใดนั้น แต่หากเราหมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ เอาเวลาว่างจากการทำงานมาเรียนรู็ เล่นเกมส์ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่พัฒนาทักษะทางภาษาของตนเองดีกว่านำเอาเวลาว่างเหล่านั้นไปทำอย่างอื่นที่ไร้สาระ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นระจำ จะช่วยให้ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะหากฝึกฝนทุกวัน การเรียนภาษาให้เก่งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ภาษาได้บาอยแค่ไหน หากไม่ได้ทบทวนเป็นเวลานาน ๆ เราก็จะลืมสิ่งที่เรียนไปเมื่อครั้งก่อน ๆ แล้วต้องเริ่มเรียนใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการเสียเวลาอีก ดังนั้นเราจึงควรทบทวนบทเรียนบ่อย ๆ และเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายก็สามารถเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ตามความสนใจได้ ดังเช่น ที่ดิฉันได้เรียนรู็ทีหลาหลายวิธี จะทำให้ไม่เกิดความเบื่อหน่าย แต่กลับรู้สึกสนุกสนานในการเรียนรู้อีกด้วย นอกจากสนุกสนานยังได้ความรู้ พัฒนาทักษะต่าง ๆ เกิดคำศัพท์ใหม่ ๆ และข้อคิดดี ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้ จะเห็นได้ว่าการใช้เวลว่างของดิฉันจะเป็นการเรียนรู้และทำงานส่วนใหญ่ มีการเรียนรู้อย่างไม่เต็มที่ หากคุณต้องการที่จะเป็นคนเก่งภาษา เชื่อเถอะคะว่าถึงเวลาที่เรามีจะเท่ากัน แต่อยู่ที่ว่าเราจะว่างและเรียนรู้มากแค่ไหน ยิ่งเวลาว่างมาก หากใช้เวลาเป็น จะเห็นได้ว่าคุณจะเก่งขึ้น