วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 18 สิงหาคม

     สิ่งที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียน

         ปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษได้มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของทุกคนและยังถือเป็นภาษาอินเตอร์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วโลก เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ การค้า การเมือง การศึกษา การท่องเที่ยว และด้านอื่น ๆ อีกมากมายล้วนใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางทั้งสิ้น ในตอนนี้หลายประเทศกำลังเปิดเป็นประเทศ ASEAN ทำให้ภาษาอังกฤษได้รับความสสำคัญและน่าสนใจมาากยิ่งขึ้น เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในกลุ่มประเทศ ASEAN ทุกคนต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงควรหันมามองความสำคัญและเรียนรู้ภาาาให้มากยิ่งขึ้นด้วย เพื่อให้พูดคุยติดต่อสื่อสารและใช้ชีวิตอยู่ได้ในสังคมปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญการเรียนภาษามากขึ้น เริ่มต้นจากขั้นพื้นฐานและเพิ่มความยากไปตามระดับ คือเริ่มจากการเรียนรู้บทสนทนาสื้อสารเบื้องต้น และด้านไวยากรณ์ หลักการใช้ต่าง ๆ ของไวยากรณ์และในส่วนของ TENSE ซึ่งในส่วนของ TENSE นี้หากเกิดความเข้าใจดีแล้ว สามารถนำไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ในการเรียยนรู้ในห้องเรียนวันที่ 18 สิงหาคมนี้เป็นการทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่อง TENSE ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไวยากรณ์ทางภาษา เป็นตัวช่วยในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ทั้งด้านการพูด อ่าน เขียน และการแปลได้อีกด้วย
         จากการเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นการทบทวนความรู้เดิมเรื่อง TENSE ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไวยากรณือังกฤษ เป็นส่วนสำคัญในการบ่งบอกเวลาและถือเป็นความรู้พื้นฐานในการเรียนภาษาทั้งด้านการอ่าน ฟัง พูด อ่าน และเขียน หรือ แปล TENSE จะเป็นตัวช่วยให้เราเข้าใจภาษาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เป็นตัวกำหนดเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่าเกิดขึ้นในเวลาไหน เมื่อไหร่ เรื่องนั้นผ่านมาแล้วหรือกำลังเกิดขึ้น หรือยังไม่ได้เกิดขึ้นแต่กำลังจะเกิดในอนาคต TENSE นี่แหละจะเป็นตัวช่วยในการหาคำตอบเหล่านั้น แต่ทั้งนี้ TENSE มีโครงสร้างมากมายหลายเวลาจึงเป็นเรื่องยากที่จะจำและเรียนรู้ได้ทั้งหมด ฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้หลักการใช้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยจำหลักการง่าย ๆที่ว่า "อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันฉันรักเธอ และจะรักเธอตลอดไป" ก็คือ TENSE แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา
    อดีต : เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่จบลงไปแล้วในอดีต
    ปัจจุบัน : เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
    อนาคต : เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้
ซึ่งใน 3 ช่วงเวลานี้เป็นเพียงช่วงเวลาหลัก ๆ และสามารถแบ่งย่อยได้อีก โดยแบ่งช่วงเวลาทั้งหมดออกเป็น 4 กลุ่ม คือ Simple, Continuous,Perfect และ Perfect Continuous ในแต่ละกลุ่มนี้จะมีลักษณะโครงสร้างต่างกันตามช่วงเวลานั้น ๆ ทำให้ในแต่ละช่วงเวลามีเหตุการณ์เกิดขึ้นต่างกัน หากเลือกใช้ TENSE ผิด ความหมายของประโยคนั้นก็จะเปลี่ยนไปทันที
         การเรียนเรื่อง TENSE ในห้องเรียนครั้งนี้ทำให้ได้ทบทวนความรู้เดิม ทำให้ได้รู้ตัวเองว่ารู้และเข้าใจไวยากรณ์อังกฤษในส่วนของ TENSE มากน้อยแค่ไหน และสามารถนำความรู็ไปใช้ได้มากน้อยเพียงใด เพราะ TENSE เป็นไวยากรณ์พื้นฐานในการเรียนภาษาและเปรียนเสมือนหัวใจหลักในการเรียนภาษา มีหน้าที่เชื่อมโยงความรู้ไปในด้านต่าง ๆ ทั้งทักษะการอ่าน ฟัง พูด เขียน และรวมถึงทักษะการเเปลอีกด้วย ทุกด้านล้วนมี TENSE มาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือว่าเป็นการปูพื้นฐานความรู้ทางภาษาที่ดีให้แก่ตัวเอง เพื่อที่จะสามารถพูดคุยติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว และเป็นพื้นฐานในทุก ๆด้านทางภาษาอีกด้วย TENSE จะช่วยให้เข้าใจตัวภาษาได้มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นจากการเรียนรู้ในคาบเรียน ข้าพเจ้าได้ตระหนักถึงความสำคัญในส่วนนี้และนำความรู้เกี่ยวกับ TENSE ไปใช้ให้ถูกต้อง อีกทั้งจะฝึกฝนตนเองโดยการเรียนรู้นอกห้องเรียน เรียนจากหนังสือ ENGLISH GRAMMAR IN USE ซึ่งมีบทเรียนและแบบฝึกหัด แบบทดสอบให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ เพื่อเพิ่มความรู้ทางด้านไวยากรณ์ให้มากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม



                                                      สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน



         การเรียนรู้นอกห้องเรียนคือการใช้เวลาว่างจากห้องเรียนมาเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่สนใจเพิ่มเติมนอกจากห้องเรียน โดยผู้เรียนเป็นผู้กำหนดสิ่งที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง เปรียบเสมือนครูที่ทำแผนจัดการเรียนรู้ให้นักเรียน เพราะการเรียนรู้นอกห้องเรียนนั้นจะขึ้นอยู่กับความสใจของแต่ละบุคคล ใครอยากเรียนอยากรู้เรื่องอะไรก็ต้องกำหนดขอบเขตและวางแผนการเรียนด้วยตนเอง ซึ่งการเรียนรู้นอกห้องเรียนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้มากมายหลายรูปแบบขึ้นอยู๋กับความสนใจของผู้เรียน โดยผู้เรียนต้องมีความตั้งใจ มุ่งมันแน่นอน และสามารถเรียนรู้ได้อย่างถูกวิธี การเรียนรู้ด้วยตัวเองในสมัยที่เทคโนโลยีรุ่งเรืองเเบบนี้ สามารถเรียนรู็ได้ง่าย มีแหล่งการเรียนรู้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นทางวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรืออินเตอร์เน็ต ผู้เรียนสมัยใหม่สามารถเรียนรู้นอกห้องเรียนควบคู่ไปกับการเรียนรู้ในห้องเรียนไดด้อย่างเหมาะสม โดยเน้นการเรียนนอกห้องเรียนในส่วนของวิชาภาษาอังกฤษ เพราะตอนนี้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสารกันทั่วโลก ผู้เรียนจึงศึกษาเกี่ยวกับภาษานอกห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองนั้น สามารถเรียนรู้ได้โดยการเรียนออนไลน์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต การดูหนัง ฟังเพลง และวิธีอื่นๆอีกมายมายตามความสนใจของผู้เรียน
         การดูหนังเป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างหนึ่งที่ฉันทำ เพราะการดูหนังจะเรียนรู้ทางภาษาอังกฤษได้มาก คือ ทักษะการฟัง การสังเกต คำต่าง ๆ และการแปลเนื้อเรื่อง เพื่อทำความเข้าใจ อีกทั้งยังให้ความสนุกเพลิดเพลินอีกด้วย โดยตัวดิฉันไม่ใช่เป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ แต่ชอบในการดูหนังฝรั่ง จึงค้นหาวิธีการดูหนังอย่างไรให้เข้าใจ และดิฉันก็ค้นพบวิธีการดูหนังและมีประโยชน์ในการเรียนรู้ คือ
         -  วิธีที่ 1 ดูหนัง Thai subtitle ตามด้วย English subtitle แล้วดู No subtitle เป็นวิธีที่ทุกคนเคยได้รับการแนะนำมาเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้ทำตาม เพราะเสียเวลา ต้องดูหลายครั้ง
         -  วิธีที่ 2 อ่าน Plot หรือดูตัวอย่างหนัง ตามด้วย English subtitle เป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและช่วยสร้างความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ด้วยตนเองเป็นวิธีที่เหมาะสมกับผู้ที่มีความรู้ทางภาษาแล้วในระดับหนึ่ง
         -  วิธีที่ 3 ดูหนัง No subtitle ตามด้วย  English subtitle เป็นวิธีที่เน้นการทำความเข้าใจถึงส่วนจ่าง ๆ ของเรื่อง ต้องพยายามอ่าน subtitleให้หมดเพื่อจับใจความสำคัญของเรื่องนั้นและสะสมคำศัพท์
         -  วิธีที่ 4 ดูหนัง Thai subtitle เป็นการดูเพื่อทำความเข้าใจ ฝึกทักษะการฟัง พยายามอย่าอ่าน 
 subtitle เพื่อเป็นการฝึกและพัฒนาตนเองทางด้านภาษามากยิ่งขึ้น
         ดิฉันเลือกที่จะดูหนังเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาขงตนเอง ในสัปดาห์นี้ได้ดูหนังเรื่อง ANT-MAN  เนื้อเรื่องเกี่ยวกับซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีความสามารถในการยืดหยุ่นร่างกายโดยมีรูปร่างเป็นมด หรือ มนุษย์มด นั่นเอง มาเพื่อปกป้องโลกและชีวิตของผู้อื่น และปกป้องความลับของมนุษย์มดจากแผนการร้ายของผู้ที่ต้องการนำความสามารถและพลังไปใช้ในทางที่ผิด แต่ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมเท่านั้น แต่ยังทำเพื่อลูกสาวของเขาด้วย หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนแง่คิดมากมายหลายด้าน เมื่อดูจบทพให้เกิดความรู้สึกที่ว่า หนังเรื่องนี้นอกจากได้ฝึกทักษะทางภาษาแล้วยังได้ทักษะชีวิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะทุดส่วนในเนื้อเรื่องมีข่อคิดดีๆ แอบแฝงอยู่ทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้อคิดทางด้านจิตสาธารณะ การเมือง การช่วยเหลือคนอื่น หน้าที่ ครอบครัว ในส่วนของภาษาก็ได้ทักษะการฟัง คำศัพท์ใหม่ ๆ และเพลงประกอบภาพยนตร์ที่สนุกสนานอีกด้วย ทำให้การดูหนังไม่น่าเบื่อแม้จะเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม
         จากการดูหนังเรื่อง ANT-MAN  ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูหนังวิธีต่าง ๆ ตามความสนใจของผู้เรียนและได้ฝึกทักษะดังนี้ 
    ทักษะการฟัง : ฟังเนื้อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษแล้วจับใจความสำคัญ ทำความเข้าใจด้วยตนเอง
    ทักษะการอ่าน : อ่าน subtitleทำให้คำศัพท์ใหม่ ๆ
    ไวยากรณ์ : พูดถึง TENSE บ่งบอกเหตุการณ์ในเรื่องว่าเกิดเวลาไหน ยังไง 
และนอกจากนี้ยังมีทักษะชีวิตที่ได้จากการดูหนังเรื่องนี้ เป็นการปกป้องดูแลคนที่เรารัก การมีจิตสาธารณะ การช่วยเหลือคนอื่น  ข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในสังคมและยังมีเกี่ยวกับทางด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย นอกจากเกิดความสนุกสนานแล้วยังมีข้อคิดดี ๆ และการพัฒนาทักษะทางภาษาอีกด้วย ถือเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่คุ้มค่าและใช้เวลาว่างได้เกิดประโยชน์สูงสุดจริง ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น