วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 27 ตุลาคม



สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนและจากการอบรม


          ภาษาอังกฤษล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ ถือไดว่าภาษาอังกฤษมีบทยาทสำคัญอย่างยิ่งกับคนไทยและคนทั่วโลก เพราะทุกคนล้วนใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเตอร์เน็ต ดูทีวี ดูหนัง เป็นต้น รวมทั้งการใช้ภาาาในทางอ้อม คือการสร้างสิ่งแวดล้อมเป็นภาษาอังกฤษ เช่น ฟังเพลง ใช้ขอใช้ต่าง ๆ พูดไทยคำอังกฤษคำ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการติดต่อสื่อสารที่ต้องอาศัยทักษะทางภาษาทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องมีความรู็ทางด้านภาษาอังกฤษ มีทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งต้องพัฒนาทักษะเหล่านี้อยู่เสมอเพื่อสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่วไม่ติดขัด สำหรับการเรียนรู้นี้ก็รู็กันอยู่แล้วว่า การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เราทุกคนต้องแสวงหาความรู็อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาและยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น การเรียนรู้นี้ก็สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น เราทุกคนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสามารถเข้าใจ สื่อสารกับคนอื่นทั่วโลกได้ ดิฉันเองในฐานะที่เป็นผู้สนใจภาษาอังกฤษ แน่นอนอยู่แล้วว่าจะหยุดกาเรียนรู้ไม่ได้ ดิฉันจึงนำเวลาว่างจากการทำงานและการเรียนของฉันมาศึกษาเพิ่มเติมอยู่เสมอด้วยเช่นกัน
          ในวันที่ 27 ตุลาคม นี้ ดิฉันได้ใช้เวลาว่างจากการเรียนและำการบ้านมาฝึกทักษะการฟังสากลโดยฟังเพลง Until you ของศิลปิน Shayne Ward ซึ่งเพลงนี้ เป็นเพลงที่มีทำนองช้า ฟังง่าย ไพเราะ ดิฉันได้ฟังเพลงนี้เพื่อนำไปใช้ในการตัดต่อวีดีโอ จึงได้ฟังเพลงนี้หลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจ โดยครั้งแรกดิฉันฟังเพลงนี้โดยไม่ดูเนื้อร้อง และพยายามร้องตาม แต่ผลปรากฏว่าร้องไม่ทัน ร้องไม่ถูกต้อง จึงฟังเพงนี้อีกสองรอบ โดยที่ดูเนื้อเพลง และร้องตาม ทำให้ร้องทันเป็นบางประโยค จึงลองเปิดเนื้อเพลงแล้วร้องตาม ทำให้ร้องตามทันเป็นบางประโยค จึงลองเปิดเนื้อเพลงทั้งหมดขึ้นมาเพื่อร้องตาม ทำให้พบว่าในเพลงนี้มีความหมายเกี่ยวกับความรัก มีการใช้ประโยค It feels like nobody ever knew me until you knew me บ่อยมาก และคำหลักในเพลงนี้คือ feels เช่น It feels like nobody ever knew me until you knew me , Feels like nobody ever loved me until you loved me , Feels like nobody ever touched me until you touched me จะเห็นว่าในแต่ละประโยคจะมีการใช้ past tense เช่นคำว่า feels, loved, touched , addicted , through เป็นต้น เมื่อศึกษาเนื้อเพลงแล้วดิฉันได้กลับไปฟังเพลงนี้อีก 2 ครั้งแล้วร้องตามอีก 2 ครั้ง ทำให้ดิฉันสามารถร้องเพลงนี้ได้ แต่ยังบางประโยคที่ยังไม่ชัดเจนและสำเนียงการร้องยังไม่ไพเราะจึงฝึกร้องเรื่อย ๆ ซึ่งจากการฟังเพลง until you นี้ ทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง การแปล การออกเสียง และการศึกษาแกรมม่า ในเนื้อเพลงอีกด้วย จากการฟังเพลงแค่หนึ่งเพลงนี้ทำให้เกิดการพัฒนาหลายทักษะและยังเกิดความสนุกสนานอีกด้วย
ในวันที่ 28 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่า่นข่าวบันเทิงของต่างชาติจาก http://learningenglish.voanews.com/search/search2.aspx#all|American%20Halloween%20Goes%20the%20Dogs|0|allzones|min|now|date|banner ในหัวข้อข่าวเรื่อง American Halloween Goes to the Dogs เนื้อข่าวเกี่ยวกับการนำสุนัขมาแต่งตัวร่วมกิจกรรมวันฮาโลวีนที่มีทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงในชุดต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ฉันอ่านแล้วลองหาศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย ผลปรากฏว่ามีคำศัพท์ที่ไม่รู้ดังนี้ 
    -   costumes – n. clothes worn by someone in a different role ​
    -   pets – n. an animal (such as a dog, cat, bird, or fish) that people keep mainlyfor pleasure
    -   mastiff – n. a type of large, powerful dog, once bred as a warrior
    -  chihuahua – n. a very small dog with large ears and usually short hairoriginally from Mexico
    -  characters – n. a person who appears in a story, book, play, movie ortelevision show
    -   celebrities – n. people who are famous
    -   bow tie – n. a narrow length of cloth that is worn by men around the neck andtied into a bow at the throat
    -   craze – n. something that is very popular for a period of time
    -   optimization – n. making something as good or as effective as possible
จากข่าวทั้งหมดจะพบคำศัพท์ที่ไม่รู็ความหมายเพียงไม่กี่คำ ทำให้ดิฉันสามารถอ่านและแปลความหมายได้อย่างไม่ติดขัด
          ในวันที่ 29 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง Hello ของศิลปิน Adele เพลง wildest dreams ของศิลปิน Taylor Swift เพลง love me like you do ของศิลปิน Ellie Goulding และเพลง blank space ของศิลปิน Taylor Swift ก่อนที่จะไปร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ “ เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ” ในตอนเช้านั้น ในการอบรมครั้งนี้มีท่านวิทยากรชื่อดังมาบรรยายให้ความรู้ได้แก่  ผศ.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร และผู้บรรยายอีกสามท่าน ในการอบรมครั้งนี้นอกจากมีนักศึกษาคณะครุศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษทั้งสองห้อง จำนวนเกือบ 60 คนเข้าร่วมแล้ว ยังมีคระครูอาจารย์จากสถานศึกษาต่างสถาบัน ทั้งสถานศึกษาระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และในระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงบุคคลอื่น ๆ อีกมานที่สนใจได้เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้  ทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ “ เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ” จัดขึ้น ณ ห้องประชุมพรหมโยคี ชั้น 4 อาคาร 19 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ใช้เวลาในการอบรมเป็นเวลาสองวัน คือวันที่ 29-30 ตุลาคม 2558 เวลา 08.30-16.00 น.
          ในการอบรมทั้งสองวันนี้ ดิฉันได้เข้าร่วมทั้งสองวัน และจากการที่ได้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ทำให้ได้ทั้งความรู็และข้อคิดดีๆ มากมายสำหรับเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ซึ่งดิฉันสามารถนำความรู็เหล่านี้าประยุกต์ใช้ในการเรียนและนำไปใช้ได้จริงเมื่อจบการศึกษาออกไปเป็นครูในอนาคต จากการอบรมครั้งนี้ดิฉันสามารถสรุปความรู้จาการอบรมได้ดังนี้
          สิ่งที่ได้จากการอบรมวันที่ 29  ตุลาคม2558 (ภาคเช้า) พิธีกรได้พูดถึงความสำคัญของภาษาอังกฤาที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต และความสำคัญของภาษาอังกฤษที่ทวีคูณความสำคัญมากขึ้นและก็ในตอนเช้าหลังจากการกล่าวเปิดงานและต้อนรับวิทยากร โดยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมอบรมในนามสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย (Thailand TESOL) โดย ผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล นายกสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทยได้มีการเสวนาวิชาการงานวิจัย ในหัวข้อ Beyond Language Learning โดยมีผู้ร่วมเสวนาจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ ดร.สุจินต์ หนูแก้ว, อาจารย์สุนทร บุญแก้ว และผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล ทำให้ทราบว่า ในการเรียนการสอยสมัยนี้ได้เกิดความเสมอภาคระหว่างครูและนักเรียน โดยที่ครูและนักเรียนสามารถเป็นได้ทั้งผู้นำ (Leader)และผู้ตาม (Follower) ไม่ว่าครูหรือนักเรียนสามารถแนะนำความรู้ใหม่ๆได้เสมอ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นครูเท่านั้นที่ให้ความรู้ได้ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้การศึกษาจะใช้หลักการ 5 C เป็นสำคัญ ในการเรียนการสอนนั้น ได้แก่
      C1 = Communicate ทักษะทางด้านการสื่อสาร 
      C2 = Culture ทักษะด้านความเข้าใจในวัฒนธรรม 
      C3 = Connection ทักษะการเชื่อมโยง
      C4 = Comparison ทักษะการเปรียบเทียบ 
      C5 = Community
แต่ภายหลังมานี้ จากการวิจัยแล้วพบว่า เพียงแค่  5 C จะไม่สามารถพัฒนาบุคคลด้านการเรียนได้เลย ในศตวรรตที่ 21 นี้ จำเป็นต้องมีทักษะการเรียนทั้งหมด 7C ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ 
      C1 = Critical Thinking and Problems (ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา)
      C2 = Creativity and Innovation (ทักษะด้านการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
      C3 = Cross-culture understanding (ทักษะความเข้าใจความต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนการ)
      C4 = Collaboration Teamwork and leadership (ทักษะความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและการเป็น                    ผู้นำ)
      C5 = Communication Information medication (ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศและรู้เท่าทัน) 
      C6 = Compute ring and listening  (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และการฟัง)
      C7 = Career and learning skill (ทักษะอาชีพและการเรียนรู้)
ทั้ง 7C นี้จะสามารถพัฒนาบุคคลด้านต่าง ๆ ได้ดีกว่าแลเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จากการอบรมนี้ทำให้เห็นถึงการเรียนรู้ในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับครูผู้สอนว่าจะมีวิธีการสอนอย่างไรให้เด็กเกิดการพัฒนามากที่สุด และเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
          และอีกเรื่องที่ท่านวิทยากรทั้งสามได้เสวนา ได้แก่เรื่อง แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่ คือการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 เป็นการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้โดยร่วมกันสร้างรูปแบบและแนวปฏิบัติในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 โดยเน้นองค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญและสมรรถนะที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน เพื่อที่จะพัฒนาตนเองได้และสามารถใช้ในการดำเนินชีวิตได้ต่อไปในยุคสมัยใหม่ ๆ โดยจะอ้างถถึงรูปแบบ (Model) ที่พัฒนามากจากเครืองข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 นี้ และจะสอดคล้องกับการเรียนการสอนยุคใหม่ หรือ MT นั้นเอง ซึ่ง MT นี้ก็คือ Multiple intelligent  หมายถึง การออกแบบในแต่ละครั้ง ครูต้องคำนึงถึงความสามารถของผู้เรียน ต้องออกแบบบทเรียนให้สอดคล้องกับความรู้และความสามารถของเด็กแต่ละคนให้ครบทุกด้าน ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดการเรียนการสอน
          หลังจากนั้นได้เปลี่ยนประเด็นมาพูดถึง  Critical Thinking  Skill แต่หากผู้ที่สามารถวิเคราะห์ได้นั้น เขาจะตัดสินใจได้ว่าจะทำแบบนั้นเพราะอะไร มีผลดี ผลเสียอย่างไรบ้าง เกิดการวิเคราะห์ มีทักษะชีวิต หรือ life skill ถ้าผู้เรียนคิดได้หลากหลายเเสดงว่าเขามี creative  แต่ในการ  creative  นั้นจะต้องมี Critical Thinking  Skill  ด้วย เพื่อที่จะสามารถคิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลที่สุด  หลังจากจะเกิดเป็นผลดีแก่ตัวผู้เรียนเองทั้งหมด หลังจากี่พูดเรื่องนี้จบแล้วท่า่นได้ยกประเด็น Innovation มาพูดชี้แจงองค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ซึ่งได้แก่ New    Different    Better  คือ นวัตกรรมจะต้องมีความทันสมัย เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา และต้องแตกต่างจากของเดิม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดีกว่าเดิมด้วย นั่นคือ การผลิตใหม่ที่ให้ความแตกต่างและต้องเป็นนวัตกรรมที่ดีกว่าของเดิมที่มีอยู่แล้วนั่นเอง
          และพูดในหัวข้อ High Thinking  Skill หรือความคิดขั้นสูงนั่นเอง ซึ่งก็คือ ความคิดในระดับที่สูงกว่าปกติ คือการคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน คำนึงถึงทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบ ซึ่งจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  Analyzing เป็นการแก้ไขปัญหาในการพัฒนาการคิดวิเคราะห์จะมีขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา ดังนี้
   1. การบูรณาการจัดกิจกรรมในห้องเรียน
   2. มีการจัดกลุ่มและจำแนก
   3. การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ความเหมือนและความขัดแย้ง
   4. การวิเคราะห์ตามสภาพข้อเท็จจริง
   5. การทำนายอนาคต การคาดคะเน การเดา  ซึ่งทั้งสามตัวนี้มีความต่างกัน
ทั้ง 5 ขั้นตอนี้เป็นการบูรณการความคิดเเบบ High Thinking  Skill
          จากการฟังเสวนาในหัวข้อ  Beyond Language Learning  ในครั้งนี้ สามารถอธิบายรายละเอียดของการสอบภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ ทักษะ 7 C ,การเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21, Critical Thinking  Skill และ High Thinking  Skill  ได้อย่างชัดเจน อธิบายหลักการต่าง ๆ น่าสนใจ และมีการนำตัวอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ชั้นปีที่ 1 สาขาการท่องเเที่ยว ที่ไปทัศนศึกษาประเทศสิงคโปร์  เป็นเวลา 3 เดือน โดยที่นักศึกษาจะไม่ได้รับการดูแลใดใดในการใช้ชีวิต นักศึกษาจะต้องวางแผนการดำเนินชีวิตของเขาเอง มายกตัวอย่างให้เกี่ยวกับโครงการดี ๆ ที่ช่วยในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ รวมถึงทักษะทางภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งจากการฟังเรื่องบรรยายต่าง ๆ ทำให้เกิดความคิดว่า หากทุกมหาลัยมีโครงการดี ๆ แบบนี้ นักศึกษาก็คงจะเก่งภาษากันหมดแล้ว และนอกจากนี้ หลังการเรียนการสอนในหัวข้อต่าง ๆ ที่ได้เสวนา ยังทำให้ดิฉันเกิดความรู้ความเข้าใจและสามารถนำแนงทางจากการอบรมมาประยุกต์ใช้ในอนาคตได้
          ในภาคบ่ายของการอบรม แน่นอนว่าบรรยากาศในการอบรมนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกง่วง ดังคำพูดที่ว่า หนังพุงตึง หนังตาหย่อน ท่านวิทยาการในภาคบ่ายนี้ ได้แก่ ผศ.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร  ท่านวิทยากรรู้ปัญหา จึงไม่เน้นเนื้อหามากนัก แต่จะเน้นการทำกิจกรรม เพื่อไม่ให้ผู้เข้าร่วมผบรมเบื่อและเกิดอาการง่วงนอน ซึง่เกมส์ที่ผู้บรรยายนำมาใช้ก็ยังคงมัเนื้อหาเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเนื้อหาที่อบรม เกมส์ที่ใช้ได้แก่ เกมส์ คอสเวิร์ด คือการหาคำศัพท์จากตังอักษาที่อยู่ใกล้กัน ใครหาได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดก็จะได้รับรางวัล ซึ่งถือเป็นการเสริงแรงเด็กในการทำกิจกรรม จากการเล่นเกมส์นี้ทำให้ทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะตอบมาก ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แต่หลัง ๆจะสังเกตได้ว่าคนเล่ยจะเริ่มน้อยลงเพราะใช้เวลานานเกินไป ทำให้น่าเบื่อ จากการเล่นเกมส์นี้ ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น รวมทั้งคำที่เป็นอักษรย่อด้วย นอกจากคำศัพท์แล้ว เกมส์นี้ยังทำให้ดิฉันได้ฝึกการสังเกต การหาคำศัพท์ด้วยความว่องไวในเวลาที่จำกัด ทำให้เป็นคนช่างสังเกต มีไหวพริบ สามารถทบทวนคำศัพท์เดิม และเกิดคำศัพท์ใหม่ด้วย และสามารถแชร์คำศัพท์กับผู้อื่นได้ด้วย
          หลังจากที่เล่นเกมส์จบเเล้ว ท่านวิทยากรได้พูดถึง 10 ภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก ซึ่งภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดได้แก่ภาษา Mandarin ภาษาที่สองได้แก่  Hindi หรือ Urdu  ภาษาที่สาม ได้แก่ Spanish  ภาษาที่สี่ได้แก่  English  ภาษาที่ห้าได้แก่  Arabic ภาษาที่หกได้แก่  Portuguese ภาษาที่เจ็ด ได้แก่ Beng ali ภาษาที่แปดได้แก่ Russian ภาษาที่เก้าได้แก่  Japanese และภาษาที่สุดท้ายได้แก่  Punjabi จากสถิตินี้จะเห็นได้ว่าภาษาอังกฤษจะอยู่ในลำดับที่ 4 จาก 10 ภาษา ดังนั้นการทีเราศึกษาภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ และหลังจากที่พูดถึง 10 ภาษานี้แล้ว  ท่านวิทยากรได้พูดถึงคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เป็นคำทับศัพท์ เช่นคำว่า chill chill , out , over , jam ,back , noy รวมทั้งคำศํพท์ติดปากที่ไม่มีอยู่ในพจนานุกรม ได้แก่คำว่า ชุดแซก ,american share เป็นต้น และก็ยี่ห้อต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
          ปัจจัยที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง มี 3 ปัจจัย ได้แก่ Basic-Human-Needs สิ่งสำคัญที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนมากที่สุดก็คือ WIFI คือตัว wifi  จะเป็นตัวเชื่อมต่อกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมนยุคสมัยนี้ มีการแชทออนไลน์  Line , Facebook , Tango และอื่น ๆ อีกมากมาย จะทำมห้เกิดภาษาแปลก ๆ คำศัพท์แปลก ๆ ขึ้นมาและเข้าใจกันเองภายในกลุ่มแต่ผิดทางภาษา โดยที่ภาษาทางอินเตอร์เน็ตนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดเจน จะมีการสะกดคำในรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่มาตรฐานเดิม ทั้งการลด สะกดคำผิด การเสริมคำ ต่าง ๆ มากมาย ทำให้ภาษาที่ใช้จริงในพจนานุกรมถูกลืมและกลับมองข้ามไป จนไม่สามารถกลับมาใช้ศัพท์เดิมได้อีก เพราะเกิดจากความเคยชินที่ใช้ภาษาผิด ๆ
          หลังจากนั้นท่านวิทยากรได้พูดถึงเรื่องการออกเสียง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพูดติดต่อสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ และเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการพูดออกมาเเล้วสำเนียงเหมือนกับภาษานั้น ๆคนอื่นเข้าใจง่าย ซึ่งการออกเสียงที่ดีนั้นจ้องอาศัยอวัยวะต่าง ๆ ในการออกเสียง นั่นก็คือ ปอด ปุ่มเหงือก ลิ้น ฟันบน ฟันล่าง ริมฝีปาก  และส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย โดยทางวิทยากรได้สอนอวัยวะในการออกเสียงและได้อธิบายอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ได้ฝึกการออกเสียงในกลุ่มต่าง ๆ คือ place of articulation , manner of articulation  และการออกเสียง voiced and voiceless ท่านวิทยากรได้ยกตัวอย่างคำให้ฝึกออกเสียง เช่นคำว่า pen , book , town , day , cat , moon , name , sing , zoo และคำอื่น ๆ อีกมาก หลังจากนั้นได้พูดถึง Phonology การเน้นเสียง stress ได้อ่านตามคพที่แกยกตัวอย่างมา ได้แก่คำว่า  photograph , pencil, society เป็นต้น ซึ่งคำเหล่านี้สามารถ stress ได้หลายแบบ   จากการฝึกออกเสียงในครั้งนี้ทำให้รู้ว่าทุกเสียงนั้นมีที่มาต่างกัน บางเสียงขับออกมาด้วยริมฝีปาก บางเสียงถูกขับออกมาด้วยฟัน เป็นต้น ทำให้ดิฉันรู้แหล่งการเกิดเสียงและเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
          จากการอบรมในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ทำให้ดิฉันรู้ว่าการเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 นั้นจะมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสาร และจำเป็นที่จะต้องบูรณาการทักษะต่าง ๆ ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียนไปในการจัดการเรียนการสอนด้วย นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้แหล่งที่มาและองค์ประกอบของการเกิดเสียงอีกด้วย ทำให้เกิดทักษะการพูดที่ดีขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ได้และทำให้ดิฉันสามารถออกเสียงได้ถูกต้อง และสามารถนำความรู็ที่ได้จากการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการเรียนตอนนี้และในการสอนในอนาคตอีกด้วย ดังนั้น จากการอบรมภาษาอังกฤษเชิงบูรณาการในวันนี้ ทำให้ดิฉันได้รับความรู้ หละกการ เทคนิคการสอน และยังได้ความสัมพันธ์ที่ดี และได้พบเจอพูดคุยกับครูอาจารย์โดยตรงอีกด้วย ทำให้รู้ประสบการณ์ที่ท่านได้นำมาเล่าสู่กันฟัง
          ในวันที่ 30 ตุลาคม ดิฉันได้เข้าร่วมอบรมอีกหนึ่งวัน ในตอนเช้าท่า่นวิทยากร ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ได้ชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรตที่ 21 พูดถึงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีต  การเรียนการสอนในศตวรรตที่ 21 และกลวิธีการสอนภาษาในปัจจุบัน ได้แก่ วิธีการสอนแบบไวยากรณ์และการแปล จะไม่เน้นการฟังและการพูด แต่จะเน้นด้านไวยากรณ์และการแปล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านตำราได้อย่างคล่องแคล่ว วิธีการสอบแบบตรง เป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนสื่อสารด้วยภาษาที่เรีน เป็นการให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยคและบทสนทนาได้ วิธีการสอบแบบฟัง-พูด ครูเน้นการฟัง - พูด โดยให้นักเรียนเลียนแบบเสียงของผู้สอยจนเข้าใจ เน้าการท่องจำบทสนทนา แล้วจึงเริ่มการฝึกอ่านและเขียน วิธีการสอบแบบเงียบ วิธีการสอบแบบธรรมชาติ วิธีการสอนแบบชักชวน วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง การเรียนรู้แบบร่วมมือ การเรียนรู็แบบเน้นภาระงาน การเรียนรู้จากการทำโครงงาน แนวการสอนแบบกำหนดสถานการณ์ แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร การอสนที่เน้นสาระการเรียนรู้ และการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
          หลังจากนั้นได้พูดถึง การศึกษาในศตวรรตที่ 21 ซึ่งจะมีองค์ความรู้หลักดังนี้ ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาแม่ , ทักษะการอ่าน , ทักษะการใช้ภาษาอื่น ๆ , ภาษาต่างประเทศ , ศิลปะ , คณิตศาสตร์ , วิทยาศาสตร์ , เศรษฐศาสตร์ , ภูมิศาสตร์ , ประวัติศาสตร์ , การปกครองและหน้าที่พลเมือง , สาขากลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ และวิธีการดำเนินชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต รวมทั้งสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญในศตวรรตที่ 21 ที่จำเป็นต้องบูรณาการในการเรียนการสอน จำแนกออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่
      1.  ความตระหนักเกี่ยวกับโลก
      2.  ความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
      3.  ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง
      4.  คสามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ
      5.  ความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม
ต้องบูรณาการผสานในการเรียนการสอนในความรู้วิชาหลักควบคู่กับ 5 ประเด็นสำคัญในศตวรรตที่ 21
          การศึกษาในศตวรรตที่ 21 เป็นทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม จะมีหลักการดังนี้ ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม , ความคิดเชิงวิพากษ์ , การแก้ไขปัญหา , การสื่อสารและการร่วมมือ ท่านวิทยากรได้พูดถึงปฎิญญาว่าด้วยการจัดการศึกษาของ UNESCO ที่ว่า Learning to know  Learning to do  Learning to live with the others และ  Learning to be ให้ฟังอย่างชัดเจนและน่าสนใจ หลังจากนั้นได้ร่วมกันตอบคำถามที่ท่านวิทยากรถามจำนวน 2 ข้อ และนำมาวิเคราะห์กัน หลังจากนั้นท่านได้พูดถึง ครูในศตวรรตที่ 21 ว่าควรมีลักษณะอย่างไร คือ ครูจะต้องสนใจเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการปรับการเรียนการสอนอยา่งบูรณาการ มีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณภาพโดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า Social networks นั่นเอง นำมาสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในปัจจุบัน
          หลังจากนั้นในช่วงบ่ายท่านวิทยากรได้พูดถึง The Flipped classroom เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่กำลังเป็นที่นิยม โดยครูจะสอนแต่สิ่งที่สำคัญแล้วให้นักเรียนฝึกต่อยอดองค์ความรู้ เปลี่ยนการสอนจากครูเป็นหลักให้เป็นนักเรียนเป๋นหลัก โดยครูจะปรับบทบาทเป็น coach เพื่อให้เด็กได้ฝึกปฎิบัติจริง และเกิดความรู้แบบ active learning และพูดถึง ต้นกำเนิดของการเรียนกลับด้าน หรือ The Flipped classroom จนมาถึงปัจจุบันที่ได้เเพร่ขยายเป็นวงกว้าง เมื่อจบการบรรยายแล้วท่านวิทยากรได้นำเกมส์มาใช้ในการอบรมและบูรณาการกับการเรียนการสอน เพราะในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมอบรมเริ่มเบื่อหน่าย ไม่สนใจ และเกิดอาการง่วงนอน ท่านวิทยากรได้พูดเกริ่นเรื่องเกมส์กับการบูรณาการการเรียนการสอบและให้เล่นเกมส์
          เกมส์ที่ได้เล่นคือ เกมส์ Tic Tac Toe ผู้เล่นนจะแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ และกำหนดการเล่น เป็นการเป่าฉิ่งชุป ตามเพลง เป้นท่าทางประกอบเพลง เพื่อปลุกและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมอบรมเกิดความสนใจ เกมส์นี้เริ่มเล่นจากคู่สองคน จากนั้นจะค่อย ๆ หากลุ่มจากคนที่เเพ้จะต้องมาอยู่กับฝ่ายที่ชนะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเหลือคู่สุดท้าย ปลายแถวก็จะยาว มาต่อสู้กันเพื่อค้นหาผู้ชนะ จากการเล่นเกมส์นี้ ผู้เล่นต้องอาศัยทักษะความว่องไว คงบคู่กับการมีสมาธิ และสิ่งที่ได้จากการเล่นเกมส์นี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน ระหว่างทีม ทำให้ผู้เล่นเกิดความสามัคคีปรองดอง และถือเป็นเกมส์ที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกด้วย เหมาะแก่การทำความร้จักกันและฝึกความสัคคีภายในทีม
          เกมส์ที่สองที่ได้เล่น คือเกมส์ โยนบอล ดดยจะมีลูกบอลจำนวน 20 ลูกให้ผู้เล่นโยนไปให้ผู้อื่นตามเพลง หากเพลงหยุด และลูกบอลอยู่ที่ใคร คนนั้นจะต้องออกไปร่วมกิจกรรมด้านหน้าเมื่อได้ผู้เล่น 20 คนที่ถือลูกบอลไว้หลังจากเพลงจบแล้ว ท่านวิทยากรให้ทั้ง 20 คน แต่งนิทานคนละ 1 ประโยค และให้จบเป็น  1 เรื่อง ภายใน 20 ประโยคนั้น จากนั้นก็เริ่มแต่งนิทานกันอย่างสนุกสนานโโยเรื่องที่แต่งนั้นก็จำเป็นต้องต่อมากจากคนก่อนหน้าและจบลงในคนที่ 20 ดังนั้น ทุกคนที่แต่งนิทานจะต้องใช้ไหวพริบในการแต่งประโยคภายในเวลาน้อยนิดให้สอดคล้องเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ หลังจากที่นิทานได้ถูกแต่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว ท่านวิทยากรได้แบ่งกลุ่มให้แต่ละกลุ่มช่วยกันวาดภาพจากนิทานที่แจ่งขึ้นมาภายในเวลา 15 นาที
          กลุ่มของดิฉันได้แบ่งหน้าที่กัน วางแผนก่อนวาดภาพ ว่าใครทำอะไร อย่างไร แล้วลงมือปฏิบัติ หลังจากที่วาดภาพเสร็จได้ออกไปบรรยายเรื่องหน้าห้อง โดยส่งตัวแทนกลุ่ม 2-3 คนแต่ท่านวิทยากรได้ให้กฏการบรรยายภาพว่า จะต้องบรรยายเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องโดยใช้เพียง 3 ประโยคเท่านั้นในการบรรยาย ผู้บรรยายจะต้องมีสมาธิรวบรวมสรุปเรื่องราวให้ไดเจาก 20 ประโยค สรุปให้เหลือเพียง 3 ประโยค ต้องใช้ไหวพริบว่องไวในการคิดด้วย หลังจากที่นำเสนอ 3 ประโยคเสร็จแล้วได้มีการโหวดภาพให้คะแนนกลุ่มที่วาดภาพสวย และสรุปเรื่องได้ดีด้วย ซึ่งดิฉันคิดว่าดีทุกกลุ่ม แต่บางกลุ่มยังมีข้อบกพร่องอยู่ด้วยเช่นกัน ผู้ที่ได้รัรบคะแนนโหวดมากที่สุดฏ้จะได้รับของรางวัลไป
          เกมส์สุดท้ายที่เล่น คือเกมส์ฟังนิทานและหาคำนามในนิทาน และจะต้องตีมือเพื่อนข้าง ๆ หากได้ยินคำนามด้วย แน่นอนว่าเกมส์นี้ต้องอาศัยความว่องไวอย่างแน่นอน ผู้เล่นจะต้องฟังนิทานจากวิทยากร และหากมีคำนามต้องหลักมือไม่ไห้เพื่อนตีได้ ซึ่งเกมส์นี้อาศัยความว่องไว  ความมรสมาธิ และทักษะการฟังเป็นสำคัญ เมื่อนิทานจบท่านวิทยากรได้ถามว่านิทานเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ไม่มีใครสามารถตอบได้ เนื่องจากทุกคนมัวตั้งใจฟังคำนามเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจเนื้อเรื่อง ทำให้ดิฉันคิดว่า เมื่อเราทพอะไร เาจะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นจนลืมมองดูอีกสิ่งหนึ่งไปในขณะเดียวกัน หลังกจากเกมส์นี้จบก็จะเป็นการมอบเกียรติบัตรและปิดการอบรมในครั้งนี้
          จากการอบรมภาษาอังกฤษเชิงบูรณาการและการประยกต์ใช้ โดย ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร และผู้เสวนา ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล นายกสมาคมครูสอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย และผู้ร่วมเสวนาอีก 2 ท่าน ดรฬสุจินต์ หนูเเก้ว และ อาจารย์สุนทร บุญแก้ว  ในวันที่ 29 - 30 ตุลาคม 2558 นี้ ทำใก้ดิฉันเกิดความรู้มากมาย เกี่ยวกับการสอบภาษาอังกฤษในหัวข้อต่าง ๆ เกิดความรู้ ความสนุกสนาน สามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตได้ ไม่วาจะเป็นการสอบคำศัพท์ คำศัพท์ต่าง ๆ เกมส์ วัฒนธรรมต่างชาติ การออกเสียง การสอนแบบ Role play วิธีการสอบในศตวรรตที่ 21 การสอนภาษาอังกฤษในศตวรรตที่ 21 และบทบาทครูภาษาอังกฤษในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ความรู้ที่จะนำเกมส์ต่าง ๆมาใช้ในการเรียนการสอน ในการอบรมครั้งนี้ช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆของดิฉันหลายด้านไม่วาจะเป็นทักษะการฟัง การคิด การมีสมาะฺ และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับ ดิฉันคิดว่า การอบรมครั้งนี้สามารถพัฒนาทักษะกระบวนการคิดของดิฉันได้อย่างดี รวมถึงคณะครูอาจารย์และผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่สามารถนำความรู้ไปสอยเด็ก ๆ ของท่านได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย การอบรมนี้เป็นกิจกรรมทีดี และมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เหมาะสมกับผู้ที่สนใจภาษาและครูอาจารย์ทุกท่านอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น