วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 20 ตุลาคม

สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน



         ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมาก และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากิจกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญในการช่วยการจัดการศึกษาให้บรรลุอุดมการณ์ทาทงการศึกษาอีกด้วย ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินชีวิต และเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิตไปแล้วในสมัยนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่นการติดต่อสื่อสาร การเดินทาง การค้าขาย ข่าวสารต่าง ๆ การพักผ่อนหย่อนใจ และทางด้านการศึกษาที่มีแหล่งเรียนรู้มากขึ้น และทำให้การศึกษามีประสิทธิภาพมากขึ้น นักเรียนสมัยใหม่ ก็ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยีเพื่อแสวงหาความรู้ เพราะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สะดวกสบาย ง่าย และประหยัดเวลาอีกด้วย ดิฉันซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู็และการพักผ่อนจนกลายเป็นคนติดเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ โดยดิฉันจะใช้เวลาว่างจากการเรียนมาเล่นมือถือบ่อยมาก จนคิดหาวิธีการเรียนจากมือถือ จึงเริ่มใช้เวลาว่างมาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน
         ในวันที่ 21 ตุลาคม ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยที่เล่นเกมส์ทางคำศัพท์ภาษาอังกฤษ จะเป็นเกมส์ที่มีคำศัพท์ง่าย ๆ จะมีรูปภาพและตัวอย่างประโยคขึ้นมาให้สะสมคำ พิมพ์คำศัพท์ลงไป ถ้าตอบถูกก็จะมีการแปลความหมายให้ ซึ่งเป็นเกมส์ฝึกสมอง สุดมัน จะมีความยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ซึ่งเป็นเกมส์ฝึกสมองที่ดี ช่วยในการสะสมคำ มีรูปภาพ มีความหมาย เนื้อหาชัดเเจน ง่ายต่อการเรียนรู้และฝึกฝน มีสีสันน่าสนใจ ซึ่งดิฉันได้เริ่มเล่นเกมส์นี้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว ในระดับเริ่มแรก level 1 จนถึงวันนี้ดิฉันได้เล่นต่อใน level 35 ต่อเนื่องจากที่เล่นมาแล้ว ทำให้รอบนี้คำศัพท์ยากขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้ดิฉันเล่นได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะคำศัพท์ส่วนใหญ่ยากและเป็นคำหลายพยางค์ ซึ่งดิฉฉํนเองก็ไม่แน่นเรื่องคำศัพท์อยู่แล้ว ทำให้เล่นไม่ได้ แต่ลองสะคมคำมั่ว ๆ ดู ทำให้เกิดคำศัพท์ขึ้นมา เกิดความรู้ศัพท์ใหม่ที่ไม่เคยรู็อีกแบบหนึ่ง จากการฝึกทักษะคำศัพท์จากการเล่นเกมส์นี้ทำให้ดิฉันได้ทบทวนคำศัพท์เก่า ๆ ได้ฝึกสะสมคำ ทบทวน และได้สะสมคำใหม่่ขึ้นมาจากที่ไม่เคยรู้มาก่อน ก็ทำให้เกิดศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากเล่นเกมส์ผ่อนคลายแล้วยังเกิดความรู้อีกด้วย
         หลังจากที่เล่นเกมส์แล้วดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง จากการฟังเพลง ซึ่งเพลงที่ฟังได้แก่เพลง stay with me - Sam Smith ทำนองเพลงนี้จะเป็นทำนองเพลงช้า ๆ มีอารมณ์เศร้า ฟังง่าย สำเนียงชัดเจน ในเนื้อเพลงจีมประโยคที่ว่า stay with me เป็นประโยคเด่น ต้องการให้คนรักอยู่กับเขา อารมณ์คิดถึงว่าทำไมตนเองต้องรู้สึกแบบนี้ ซึ่งใช้ประโยคที่ว่า  why am i so emotional ในเนื้อเพลงจะใช้ present tense ทั้งหมด เพราะพูดถึงอนาคตที่เป็นอยู๋ เช่นประโยคที่ว่า  I still need love, will you hold my hand , It clear to see เป็นต้น เมื่อดิฉันฟังเพลงนี้จบแล้ว ทำมห้รู้สึกคิดถึง อยากให้เขามาอยู่ด้วยกัน อารมณ์คล้อยตามไปกับเนื้อเพลง ซึ่งคิดว่าคนเหงา ๆ คงจะชอบฟังเพลงแนวอกหัก เศร้า ๆ แบบนี้ 
         เพลงที่สองที่ฟัง คือเพลง  I want you to know ของศิลปิน Zedd ft กับ Selena Gomez เป็นเพลงที่ดนตรีทำนองสนุกสนาน ฟังเเล้วรู้สึกครึกครื่น ดนตรีมันส์ เพลงสื่อออกมาในเชิงที่ต้องการบอกให้ใครคนหนึ่งรับรู็ว่านี่คือช่วงเวลาของเรา โดยใช้ประโยคที่ว่า I want you to know that it'sour time เป็นเพลงที่เหมาะกับคนที่มีความรัก แสดงออกถึงความรักและอยากให้รับรู้ จากการที่ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลงนั้นทำให้ดิฉันฟังเนื้อเพลงและจับคำพูดในเพลงจนสามารถตีความหมายของเนื้อเพลงได้ และเข้าใจเนื้อเพลงที่ต้องการสื่ออย่างเเท้จริง 
         วันที่ 22 ตุลาคม ดิฉันได้อ่านข่าวจาก http://www.bangkokpost.com/learning/really easy/749728/bangkok-happy-tuk-tuk โดยมีเนื้อข่าวเรื่อง Bangkok's happy tuk-tuk เนื้อข่าวกล่าวว่า Traffic police at the Samran Rat police station in Bangkok have their own special vehicle. It even has its own name: 'Jaa Tuk Samran'  That is because it really is a tuk-tuk that has been painted to look like a trafficsergeant.From morning until evening, Jaa Tuk can been seen patrolling the streets near the police station and even giving people free rides if they need them.Not surprisingly, Jaa Tuk has become very popular with tourists and passersby who want to have their photos taken with the police tuk-tuk. จากการอ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้ดิฉํนลองฝึกแปลเพื่อทำความเข้าใจ พบว่าสามารถแปลได้ แต่มีคำศัพท์บางคำที่ไม่รู้ความหมาย เช่นคำว่า sergeant เมื่อหาความหมายแล้วแปลว่า จ่า, นายสิบ surprisingly แปลว่า อย่างแปลกใจ, อย่างประหลาดใจ passersby แปลว่า ผู้คนผ่านไปมาตามถนน หลังจากที่หาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้แล้ว ก็ลองแปลดู ทำให้เข้าใจได้ว่า ในกรุงเทพฯ มีสถานีตำรวจสำราญราษฎร์ ได้จำทำรถตุ๊กตุ๊กขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า จ่าตุ๊กตุ๊ก ใช้รับส่งประชาชน รถมีลักษณะเหมือืนกับสีจราจร ให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จะอยู่บริเวณรอบ ๆ และใกล้สถานีตำรวจ หากใครต้องการขี่ฟรีก็ได้ ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของคนที่ผ่านไปผ่านมาและนักท่องเที่ยวในการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นอย่างมาก หลังจากที่อ่านสรุปใจความแล้ว หากผู้ใดต้องการฟังข่าวนี้ ก็จะมีไฟล์เสียงไว้ให้ฟังด้วยหากต้องการ ในการอ่านข่าวนี้ทำให้ดิฉันรู้เกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง เป็นคนที่ทันสถาการณ์ รู้คำศัพท์ต่าง ๆ ในข่าว และฝึกการแปลอีกด้วย
          ในวันที่ 23 ตุลาคม ดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการฝึกษาอังกฤษทั้ง 4 skills จาก http://www.fast-english.com/?ContentID=ContentID-090131104717304 จากการศึกษาทำให้ทราบว่าการฝึก Speaking skill เวลาพูด ให้สร้างประโยคด้วย S+V+O และหากมี Conjunction ก็ต้องเตรียม 2 ประโยคทันที ต้องจำหลัก Grammar 25 กฎได้อย่างคล่องแคล่ว และจำ Structure ย่อย ได้อย่างอัตโนมัติ ต้องสร้างฐานศัพท์ให้มากเพียงพอที่จะแปลงความคิดจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษได้ ในใจต้องมีความอยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ พยายามหา supporting ideas มาสนับสนุน idea ของเรา เวลาพูดจริงๆ ให้มี Sensation หรือประสาทรับความรู้สึก พยายามยิ้มเวลาพูดจะทำให่เราไมม่กังวลระหว่างพูด ให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่พูดเพ้อเจ้อ และการพูดนี้ ควรได้รับการฝึกฝนบ่อย ๆ และเช็คดูว่า Grammar และStructure ถูกต้องแล้วหรือยัง
          วิธีฝึก Listening skill การฟังมี 2 แบบคือ ฟังแบบจับใจความ (Macro)และฟังการออกเสียงสำเนียง (Micro) ให้เริ่มจากการจับใจความก่อน เมื่อคล่องบวกกับเริ่มมั่นใจว่าฟังออกแล้ว ถึงเริ่ม focus on pronunciation ให้ฝึกออกเสียงตามคำที่ได้ยิน โดยฝึกฟังจากไฟล์เสียงต่าง ๆ เพลง หรือ หนังก็ได้ ต้องสร้างฐานศัพท์ก่อน มิฉะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาพูดอะไร และจับ Key Words ในการพูดให้ได้ เพื่อจะได้ปะติดปะต่อเรื่องและเข้าใจความรู้สึกของผู้พูด แต่วิธีที่ฝึกได้ด้วยตนเองก็คือการฟัง เพลงสากล ดูหนังฝรั่ง ฟังข่าวสารคดี หรือข่าว CNN โดยไม่อ่าน Subtitle ฟังวันละ 30 นาทีเพื่อสร้างความเคยชิน หรืออาจะมากกว่านั้นเเล้วแต่ความสะดวก  แต่การฟังที่ดีนั้น ผู้ฝันก็ควรจะออกเสียงตามไปด้วยเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มากขึ้น
          วิธีฝึก Reading Skill จะต้องประยุกต์ ศัพท์และ Grammar รวมทั้ง Structure เพื่อสร้างภาพ แสง สี เสียง และความรู้สึกตามผู้เขียนไปด้วย ถ้าศัพท์ไม่พอ ภาพไม่เกิด หรือมัวเหลือเกิน grammar ไม่แม่น ยิ่งอ่านยิ่งงง ไม่รู้อันไหนประโยคหลัก ประโยครอง เน้นหรือไม่เน้น ฉะนั้นต้อง build a solid foundation of grammar and vocabulary เวลาที่อ่านแต่ละประโยค และแต่ละบรรทัดเป็นการ Add ข้อมูลให้ภาพในใจของเราชัดเจนกับหนังที่ฉายต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเรามีมโนภาพเราจะจำเนื้อเรื่องได้เอง และจะรู้สึกว่าตรงไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ประเด็นหลักอยู่ตรงไหน และ เวลาเจอศัพท์ที่ไม่เคยเจอ ก็ให้เดาความหมายจากภาพ ถามต่อไปว่าเป็นความรู้สึกบวกหรือลบ ชื่นชมหรือวิจารณ์ ซึ่งปรับเรียกเท่ห์ๆว่าVocabulary in context ไม่มีอะไรมากนักหรอก
       การฝึก Writing Skill ประเด็นหลักหนึ่งประเด็นคืออะไรและมีเหตุผลอะไรชัดๆ 2-3 ประเด็นในการ support ประเด็นหลักการเขียน ต้องพยายามจูงให้คนอ่านเห็นคล้อยตามเรา ก่อนลงมือเขียนให้ Outline ด้วย key words หลักๆ เพื่อใช้เป็น supporting ideas ให้เป็นแนวทางในการเขียน ใช้แนวทางการแปลจากไทยเป็นภาษาอังกฤษที่อาจารย์สอนไทยชัด อังกฤษก็ชัด ทุกประโยคความคิดภาษาไทยฟังแล้วต้องเข้าใจทันที ห้ามกำกวมเพื่อโอกาสที่ภาษาอังกฤษจะออกมาชัดตามไปด้วย เวลาเขียนศัพท์และ grammar รวมทั้ง structure ต้อง flow มา automatically ต้องไม่คิดอีกแล้ว แค่ focus on idea presentation ล้วนๆ การเขียน paragraph แรกเป็น opening paragraph เป็นการเปิดประเด็น ส่วนอีกสัก 3 paragraphs ต่อมาจะลงในเรื่องรายละเอียดที่ support thesis statement ปิดท้ายด้วย conclusion ซึ่งไม่ควรเป็นการ repeat idea ใน opening paragraph แต่เป็นการสรุปโดยใช้ key words represent idea หลักๆ ของแต่ละ paragraph และอาจจะ insert อีกสักประโยคเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของ argument เรา การเขียนให้ระวังเรื่อง tense เป็นสำคัญ รูปประโยคให้ keep simple and clear เข้าไว้  จากการศึกษาทักษะต่าง ๆ เหล่านี้ดิฉันสามารถนำความรู้ที่ได้มาปฏิบัติเป็นแนวทางในการใช้ภาษาต่อไป
          ในวันที่ 24 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง http://www.listenaminute.com/ เรื่อง  Cars โดยอ่านบทความที่ให้มา 1 รอบแบบผ่า่น ๆ คร่าว ๆ หลังจากนั้นได้ฟังบทความเป็นจำนวน 1 รอบ แล้วทำแบบฝึกทดสอบการฟัง โดยการเติมคำในช่องว่าง ทำให้ดิฉันเติมได้เพียง บางคำ จึงกลับไปอ่านและฟังใหม่อีกครั้ง จึงกลับมาทำแบบฝึก ทำให้ทำแบบฝึกได้ 5 คะแนน  จากครังก่อนที่ไได้เพียง 3 คะแนน จาก ๅ0 คะแนน  เพราะบทความนี้ฟังยาก สำเนียงการพูดเร็วและมีการเชื่อมคำ ที่ฟังยาก ทำให้จับใจความไม่ได้  แต่หลังจากที่อ่านและฟังแล้ว ก้สามารถทำแบบทดสอบได้
          อีกเรื่องที่ฟังได้แก่เรื่อง Accidents เรื่องนี้เป็นคำศัพท์ง่าย สำเนียงการพูดฟังง่าย พูดไม่เร็วมาก และมีการออกเสียงที่ link คำ ได้ชัดเจน ง่ายต่อการฟัง หลังจากที่ฟัง 2 ครั้งแล้วทำให้ดิฉันไปทำแบบฝึกหัด ผลปรากฏว่า  สามารถทำแบบฝึกหัดได้ 10 คะแนนเต็ม  ซึ่งดิฉันคิดว่า เหตุผลที่ทำให้ทำแบบทดสอบได้นั้นคงเป็นเพราะคำศัพท์ง่าย และฟังเข้าใจบทความนั้น เมื่อทำแบบทดสอบจึงทำได้ถูกต้อง  ดังนั้นจึงทำให้ดิฉันรู้ว่าคำศัพท์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าใจภาษา จะรู็ทักษะอื่น ๆ แต่ไม่รู้คำศัพท์ก็ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง
           ในวันที่ 25 ตุลาคม ดิฉันฝึกทักษะจากการฟังจาก http://www.wegointer.com/2014/11/2000-stories/ เป็นเว็บไชต์ที่มีไฟล์เสียงเกือบ 2000 เรื่องให้เลือกฟัง เรื่องที่ดิฉันเลือกฟังคือ ชุดที่ 8 Short Stories for Low Intermediate English Learners มีจำนวนเรื่องทั้งหมด 265 เรื่องย่อย ดิฉันได้เลือกฟัง เรื่อง New to America เป็นไฟล๋เสียงที่ฟังง่าย  พูดช้า เข้าใจง่าย พูดถึง แนนซี่ ผู้ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในอเมริกาและพูดภาษาบ้านเกิดของตนได้เท่านั้นเพราะยังเป็นเด็ก และเกิดเรื่องราววุ่น ๆ ที่อเมริกามากมาย หลังจากที่ฟังเสร็จแล้ว ดิฉํนไปอ่านเนื้อเรื่องและฝึกแปลทั้งบทความนี้อีกด้วย ทำให้เข้าใจมากยิ่งจึ้นและเกิดทักษะได้มากขึ้นเช่นกัน
          หลังจากที่ฝึกทักษะการฟังแล้ว ดิฉันเลือกที่จะศึกษาเรื่อง sports and games เพื่อหาข้อมูลมาใช้ในการเขียนแผนการสอน ในรายวิชาภาษาศาสตร์สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการสอบสอน ดังนั้นดิฉันจึงหาข้อมูลเพื่อเลือกสื่อการสอนรูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับ  sports and games  ทำให้ดิฉันเจอวิดีโอเกี่ยวกับเพลงใน YouTube. เป็นเพลงสำหรับเด็ก ๆ ฟังง่าย สนุกสนาน มีภาพประกอบ สีสันสดใส เข้าใจง่าย น่าสนใจป็นอย่างมาก ทำให้ดิฉํนฟังจนจบเพลง และตัดสินใจใช้เพลงเป็ฯวื่อสารสอนและฝึกร้องเพลง sports and games ซึ่งดิฉันได้ฝึกร้องประมาณ 3-4 ครั้งทำให้ดิฉันร้องได้อย่างถูกต้องตามทำนอง แต่เเสียงไม่ไพเราะ จึงได้ฝึกร้องเรื่อยๆ จนสำเนียงดีขึ้นมาในที่สุด
          ในวันที่ 26 ตุลาคม ดิฉันได้ฝึกทักษะการเรขียนจากการเขียน paragraph ในหัวข้อ computer and smartphone เขียนเป็น compare&contrast paragraph ก่อนที่จะลงมือเขียนได้มีการวาง outline นำคำเชื่อมต่าง ๆ มาใช้ ทำให้แต่งประโยคได้ประมาณ 10 ประโยค  และเมื่อเขียนเสร็จ นำมาตรวจ grammar พบว่า ส่วนมากแล้วจะเขียนผิด tense เป็นส่วนมาก  จึงลองเปลี่ยน tense และเขียนใหม่ ทำให้ดูสละสลวยกว่าเดิม  และหลังจากนั้นไดเลองเขียนเป็น descriptive paragraph   อธิบายสุนัขที่บ้านว่ามีลักษณะอย่างไร เขียนได้ 12 ประโยคเมื่อตรวจสอบข้อผิดพลาด พบว่าจะเป็น run on , fragment และ tense เป็นส่วนใหญ่  ซึ่งจากการลองเขียนในครั้ง ทำให้ดิฉันทราบถึงจุดอ่อนของตัวเองว่ายังอ่อนเรื่อง grammar จึงควรฝึกฝนและเรียนรู้ให้มากกว่านี้ เพื่อที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
          จากการศึกษาเพิ่มเติมจากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จากการใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ในการศึกษา ใช้ค้นคว้าหาความรู้ให้เกิดความรู้ที่มีประโยชน์ต่อตนเองนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีและรู้จักคิดอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้  เอาเวลาจากการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ไม่เหมาะสม มาเรียนรู้ ซึ่งตัวดิฉํนเองได้นำเวลาว่างส่วนนั้นมาใช้ในการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ทำให้เกิดความรู้มากมาย ได้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ทั้งการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน จนรวมถึงคำศัพท์ต่าง ๆ ทั้งเก่าและใหม่อีกด้วย  การใช้เทคโนโลยนี่นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะเลือกใช้ไปในทางไหน ใช้ได้อย่างคุ้มค่าและมีประโยชน์แค่ไหน ตัวผู้ใช้เท่านั้นคือคนกำหนด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น